SMART ไตรมาส 2 กำไรทะยาน 650% รับยอดขายสินค้าก่อสร้างโต

SMART โชว์งบไตรมาส 2/66 กวาดรายได้ 183 ล้านบาท ดันกำไรโต 650% รับอานิสงส์ “รัฐ” ต้องการใช้อิฐมวลเบา พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง


นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร รวมถึงงานผนังตกแต่ง เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 182.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 128.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.46% และมีกำไรสุทธิ 21.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 648.63%

ขณะเดียวกันผลประกอบการครึ่งแรกปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 355.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 265.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.60% และมีกำไรสุทธิ 46.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 313%

โดยผลประกอบการในส่วนของรายได้และกำไรปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการลงทุนต่อเนื่องของโครงการภาครัฐ อาทิ งานโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานของหน่วยงานราชการ อาคารสำนักงาน งานโครงการรถไฟฟ้า งานอาคารโรงพยาบาล รวมถึงงานก่อสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ นิคมอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้ง การทยอยฟื้นตัวของโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบ-แนวสูง หนุนความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้าง อิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่ง คุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

“ทิศทางธุรกิจช่วงต่อจากนี้ของบริษัทจะสามารถเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการลงทุนภาคก่อสร้าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงเทรนด์ของผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีนวัตกรรม ช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยบริษัทเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ อิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่งที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงปรับปรุงกระบวนการผลิตนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา G4 SMART BLOCK เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ได้รับรองเครื่องหมาย คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ อย่างเป็นทางการจากองค์กรการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกแนะนำสินค้า ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook, Line@, Instagram เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เจ้าของบ้าน สถาปนิก ผู้รับเหมา บริษัทรับสร้างบ้าน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง กระตุ้นการตัดสินใจซื้อผลักดันรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายรังสีกล่าว

Back to top button