“ดาวโจนส์ ปิดบวก 76 จุด นักลงทุนจับตา “เงินเฟ้อ” สหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 76 จุด นักลงทุนจับตาข้อมูล “เงินเฟ้อ” ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (8 ก.ย.) แต่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของวัน และติดลบในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,576.59 จุด เพิ่มขึ้น 75.86 จุด หรือ +0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,457.49 จุด เพิ่มขึ้น 6.35 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,761.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.69 จุด หรือ +0.09% แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.8%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.3% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.9%

บรรดานักลงทุนวิตกเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ซึ่งจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 93% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ และมีโอกาส 53.5% ที่จะตรึงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีลดลง แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกดดันตลาด

เดวิด เลฟโควิทซ์ หัวหน้าฝ่ายหุ้นสหรัฐของยูบีเอส โกลบอล เวลท์ แมเนจเมนต์ระบุว่า นักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 3 เดือนติดต่อกันแล้ว และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ได้ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้ออีกครั้ง โดยข้อมูลกิจกรรมในภาคบริการแข็งแกร่งเกินคาด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง

ส่วนความเห็นที่ไร้ทิศทางจากเจ้าหน้าที่เฟดทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด โดยในสัปดาห์นี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กยังคงเปิดทางเลือกสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นายลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า แม้อาจเป็นการเหมาะสมที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป แต่ก็อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 ปิดบวกในวันศุกร์ หลังร่วงลง 2.9% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.97% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นกลุ่มปลอดภัย ปรับตัวขึ้น 0.96% ขณะที่หุ้นลบมากที่สุดในตลาดได้แก่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งลดลง 0.63%

สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นแอปเปิ้ลขยับขึ้น 0.3% หลังร่วงลงอย่างหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมาซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมลดลงจากข่าวที่ว่า จีนสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางใช้โทรศัพท์ไอโฟนในที่ทำงาน

หุ้นโครเกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก ปิดพุ่ง 3% หลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่ปรับแล้วเพิ่มขึ้นเกินคาด, หุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.8% หลังแบงก์ออฟอเมริกา ซีเครียวริตีส์ ปรับเพิ่มคำแนะนำซื้อหุ้น

ขณะที่หุ้นเกมสต๊อปปิดร่วง 6% หลังมีรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำลังสอบสวนนายไรอัน โคเฮน ประธานของเกมสตอปซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกวิดีโอเกม

Back to top button