ฟรีวีซ่าจีนวันแรกคึก! ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลัก 2.5 แสนล้าน ชู 7 หุ้นเด่นรับทรัพย์

“เศรษฐา” เวลคัมนักท่องเที่ยวจีนชุดแรกเข้าไทย หลังประกาศใช้ฟรีวีซ่าวันแรก 25 ก.ย. ยอดบินเข้าสุวรรณภูมิพุ่งกระฉูด ททท.ประเมินปีนี้กระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศ 4.4 ล้านคน ดันรายได้ทะลุ 2.57 แสนล้านบาท ด้านโบรกฯ มองส่งผลดีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวทั้งระบบ นำโดย AOT, AAV, BA, MINT, CENTEL, ERW และ SPA


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เที่ยวบิน XJ 761 สายการบิน Thai AirAsia X เส้นทางบินตรงเซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 341 ราย ถือเป็นเที่ยวบินแรกของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจากรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานใน 4 ท่าอากาศยานหลัก สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และ ภูเก็ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจะช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากจะช่วยคลี่คลายข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive ประกอบกับช่วงเวลาดำเนินมาตรการฯ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ตั้งไว้ของปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตรา 80% ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ มั่นใจนโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก จากการสอบถามเบื้องต้น พบว่ามีการจองเข้ามาจำนวนมาก ต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ไม่ใช่แค่เมืองหลัก เช่น กรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต แต่จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เพื่อให้ใช้เวลาในประเทศไทยนานขึ้น เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายมากขึ้น

โดยสิ่งสำคัญคือ เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึง จนก้าวสุดท้ายที่เดินทางกลับ ต้องมีความปลอดภัยและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศมีความรวดเร็วมากขึ้น ตั้งแต่การตรวจคนเข้าเมือง มาถึงจุดที่รับกระเป๋า ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ ซึ่งทำให้เดินทางไปยังจุดหมายของนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้น ภาครัฐและทุกคนมีส่วนช่วยให้วันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่งของประเทศไทย

สำหรับเที่ยวบินแรกของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เข้ามาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นของสายการบินแอร์ เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 761 เส้นทางเซียงไฮ้-สุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งหมด 341 คน โดยแบ่งเป็น นักท่องเที่ยวชาวจีน 306 คน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น 35 คน

ขณะที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง มีจำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา และเที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จำนวน 2 เที่ยวบิน สายการบิน China Eastern Airlines ได้แก่ เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง

ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน KC 563 สายการบิน Air Astana จากอัลมาตี้ และจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China จากหางโจว เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China จากปักกิ่ง

ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่ามาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01-4.4 ล้านคน ในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 5 เดือน ที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัว 62% เมื่อเทียบกับปี 2562 และคาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 150,000 คน ในปี 2566 และในช่วง 5 เดือน ของการยกเว้นการตรวจลงตรา จะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจำนวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้น 49.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาท

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ประเมินว่า ในช่วง 7 วันแรกของมาตรการ คือ ระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-1 ต.ค. 2566 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะมีเที่ยวบินรวม 674 เที่ยวบิน (เฉลี่ย 96 เที่ยวบินต่อวัน) เป็นเที่ยวบินขาเข้าและขาออก ขาละ 337 เที่ยวบิน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วง 7 วันก่อนมีมาตรการ (11-17 ก.ย. 2566) มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกรวม 509 เที่ยวบิน (เฉลี่ย 72 เที่ยวบินต่อวัน) แบ่งเป็น เที่ยวบินขาเข้า 254 เที่ยวบิน และขาออก 255 เที่ยวบิน

ในส่วนประมาณการผู้โดยสาร คาดว่าจะมีผู้โดยสารจากเที่ยวบินจีนรวม 130,593 คน (เฉลี่ย 18,656 คนต่อวัน) แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้า 65,584 คน ขาออก 65,009 คน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วง 7 วัน ก่อนมีมาตรการ (11-17 ก.ย. 2566) มีผู้โดยสารจากเที่ยวบินจีนรวม 67,761 คน (เฉลี่ย 9,680 คนต่อวัน) แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้า 34,801 คน และขาออก 32,960 คน

สำหรับเที่ยวบินระหว่างสุวรรณภูมิและสาธารณรัฐคาซัคสถาน คาดว่าในช่วง 7 วันแรกของมาตรการ (25 ก.ย.-1 ต.ค. 2566) มีเที่ยวบินรวม 6 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินขาเข้าและขาออก ขาละ 3 เที่ยวบิน เท่ากับช่วงก่อนมีมาตรการ แต่คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,338 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ขาละ 669 คน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วง 7 วันก่อนมีมาตรการ (11-17 ก.ย. 2566) ที่มีผู้โดยสาร 853 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้า 473 คน และผู้โดยสารขาออก 413 คน

ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ในช่วง 7 วันแรกของมาตรการ (25 ก.ย.-1 ต.ค. 2566) จะมีเที่ยวบินรวม 414 เที่ยวบิน (เฉลี่ย 60 เที่ยวบินต่อวัน) เป็นเที่ยวบินขาเข้าและขาออก ขาละ 207 เที่ยวบิน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วง 7 วันก่อนมีมาตรการ (11-17 ก.ย. 2566) มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกรวม 326 เที่ยวบิน (เฉลี่ย 47 เที่ยวบินต่อวัน) แบ่งเป็น เที่ยวบินขาเข้า 163 เที่ยวบิน และขาออก 163 เที่ยวบิน

ในส่วนประมาณการผู้โดยสารจากเที่ยวบินจีน รวม 57,549 คน (เฉลี่ย 8,222 คนต่อวัน) แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้า 28,648 คน ขาออก 28,901 คน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วง 7 วันก่อนมีมาตรการ (11-17 ก.ย. 2566) มีผู้โดยสารจากเที่ยวบินจีนรวม 43,783 คน (เฉลี่ย 6,255 คนต่อวัน) แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้า 21,740 คน และขาออก 22,043 คน

ทั้งนี้ AOT ประเมินหลังจากเริ่มต้นมาตรการฟรีวีซ่าแล้ว จะมีจำนวนสายการบินที่ทำการบินระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับท่าอากาศยานต่าง ๆ จากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 25 สายการบิน จากก่อนเริ่มมาตรการฯ มี 19 สายการบิน สำหรับจำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,075 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. 2566 ซึ่งมีเที่ยวบิน 2,132 เที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออก ระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและประเทศจีน เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยคาดว่าในเดือน ต.ค. 2566 จะมีผู้โดยสารชาวจีนที่ 620,000 คน เพิ่มจากเดือน ส.ค.-ก.ย. 2566 (ก่อนมาตรการฟรีวีซ่า) ที่มีผู้โดยสารชาวจีนเฉลี่ย 350,000 คนต่อเดือน

โดยทั้งปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-ก.ย. 2566) AOT จะมีผู้โดยสารรวมทุกท่าอากาศยานราว 100 ล้านคน พร้อมตั้งเป้าว่าในปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 2566-ก.ย. 2567) AOT จะมีผู้โดยสารรวมที่ 150 ล้านคน สูงกว่าปี 2562 (ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19) ที่ AOT มีผู้โดยสารรวม 142 ล้านคน และรายได้จะเติบโตตามผู้โดยสาร ซึ่งมั่นใจว่า AOT จะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมามาก ซึ่งมาตรการฟรีวีซ่าจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ครอบคลุมช่วง Golden week ของจีน น่าจะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้นตามแผนที่รัฐบาลวางไว้

สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ ประกอบด้วย บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ราคาเป้าหมาย 3.64 บาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เป้าหมาย 85.25 บาท, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เป้าหมาย 6.60 บาท, บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เป้าหมาย 15.20 บาท, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เป้าหมาย 76 บาท และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เป้าหมาย 38.0 บาท ทั้งนี้ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ จะอยู่ในกรอบแนวรับที่ 1,500 จุด ถัดไป 1,493 จุด และให้ระดับแนวต้านไว้ที่ 1,550 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” AOT เป้าพื้นฐาน 86 บาท ประเมิน Sentiment บวกจาก เริ่มฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะเป็นบวกต่อ AOT โดยตรง และมี Upside จากเม็ดเงินที่จะจับจ่ายใช้สอยในพื้นสนามบิน คาดผลการดำเนินงานยังอยู่ในช่วงการ Turnaround เป็นปีแรก และปี 2567 คาดกำไรฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการ Free Visa นักท่องเที่ยวจีน ส่งผลดีกับหุ้น AOT, AAV และ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA และหุ้นท่องเที่ยวโรงแรม ต่อ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กลุ่มท่องเที่ยวได้ประโยชน์จากฟรีวีซ่า ซึ่งฟันเฟืองหลักในการขยายตัวของ GDP จะส่งผลบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งระบบ อาทิ AOT, AAV, BA, MINT, CENTEL, ERW และ SPA

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ประเมินว่า ประเด็นดังกล่าวจะผลักดันกำไรปกติของหุ้นที่มีสัดส่วนรายได้ในไทยสูง ตามทิศทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทย ประกอบด้วย บมจ.ท่าอากาศยานไทย, บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป รายได้สัดส่วน 90% มาจากโรงแรมในไทยมากที่สุดในกลุ่ม และ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา รายได้โรงแรมสัดส่วน 82% อยู่ในไทย

ขณะที่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีสัดส่วนรายได้ราว 50% จากโรงแรมในยุโรป ทำให้กำไรปกติแตกต่างจากกลุ่ม ส่งผลให้ไตรมาส 3 จะชะลอตัวตามฤดูท่องเที่ยวยุโรป และดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2566

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ มองปี 2566 ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,650 จุด รับอานิสงส์การฟื้นตัวเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มองหนุนกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ให้ AOT, ERW, CENTEL, MINT, บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS, CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

Back to top button