ตลท. รับลูก “เศรษฐา” ขยายเวลาเทรดหุ้น! หวังเพิ่มวอลุ่มซื้อขาย ดึงเม็ดเงินต่างชาติ

“ตลาดหลักทรัพย์” รับลูก “เศรษฐา ทวีสิน” เตรียมศึกษา “ขยายเวลาเทรดหุ้น” เล็งเฮียริ่งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หวังเพิ่มมูลค่าการซื้อขายและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเพิ่ม ด้านวงการตลาดทุนมองต่างมุม มีทั้งหนุนและไม่เห็นด้วย ฝ่ายหนุนเผยเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคและยุโรป ส่วนอีกฝ่ายหวั่นต้นทุนจะสูงขึ้นจากการขยายระยะเวลา ส่วน “เสี่ยป๋อง” ตนเองยังไงก็ได้ สามารถรับได้หมดกับเรื่องของระยะเวลาการซื้อขายหุ้น แล้วแต่ทุกฝ่ายจะเห็นสมควร และเหมาะสม


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมศึกษาการขยายระยะเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุ้น) เพิ่มขึ้น ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากผลการศึกษาแล้วเสร็จ คาดจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน

“เรื่องดังกล่าวนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการศึกษามาตลอดว่าช่วงเวลาการซื้อขายของเราควรจะมีการปรับปรุงหรือไม่ อย่างไรบ้าง แต่ในอดีตเรายังไม่เห็นประโยชน์ที่สูงมากนัก แต่ตอนนี้คิดว่าควรนำกลับมาคิดตรงนี้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการศึกษา รวมถึงสอบถามความเห็นจากผู้ร่วมตลาดและฝ่ายงานกำกับดูแล” นายภากร กล่าว

 นายภากร กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไรในการปรับเพิ่มเวลาการซื้อขายหุ้น เพราะระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกือบจะสามารถเปิดให้ซื้อขายได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนจะได้ประโยชน์จากการขยายเวลาเทรดอย่างไร ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นข้อจำกัด แต่ต้องไปศึกษาประโยชน์ที่จะได้สูงสุด คือการขยายเวลาหรือการทำอะไรอย่างไรบ้าง

“จะรีบทำการศึกษาและไปเฮียริ่งกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคงขึ้นอยู่ว่าจะได้ข้อสรุปจากการศึกษาเร็วแค่ไหน แต่จริง ๆ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการศึกษาเตรียมไว้หมดแล้ว จะรีบนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และไปทำเฮียริ่งกับอุตสาหกรรม”

ทั้งนี้ ประโยชน์ของการขยายระยะเวลาเทรดก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการขยายเวลาในช่วงไหน เนื่องจากการซื้อขายของตลาดหุ้นทั่วโลกมันต่อเนื่องกัน ซึ่งการขยายระยะเวลาก็คงต้องดูว่าจะช่วงเช้า ช่วงเที่ยง หรือช่วงเย็น เพราะประโยชน์แต่ละช่วงไม่เหมือนกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องนำผลการศึกษาไปให้ผู้ร่วมตลาดได้เห็น เช่น ช่วงเช้าเปิดตลาดเร็วขึ้นข้อดีคืออะไร ตอนเที่ยงข้อดีคืออะไร และตอนเย็นข้อดีคืออะไร ซึ่งมันจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่ก็ขึ้นกับช่วงที่ขยายเวลาตรงกับตลาดเอเชีย ยุโรป หรือสหรัฐฯ อย่างไร

โดยการขยายเวลาในแต่ละช่วงที่ไม่เหมือนกัน วอลุ่มฯ ที่ได้มาจะมาจากนักลงทุนที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงเช้าอาจมาจากนักลงทุนกลุ่มเอเชีย เที่ยงน่าจะเป็นกลุ่มเอเชียกับยุโรป และช่วงเย็นจะเป็นกลุ่มนักลงทุนยุโรป ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องไปดูว่ากลุ่มนักลงทุนกลุ่มไหนที่น่าจะได้ประโยชน์สูงสุด

นายภากร กล่าวอีกว่า การหารือกับนายกฯ ในช่วงที่ผ่านมามี 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ต้องมีการปรับกระบวนการทำงาน การให้ข้อมูล การจัดการการซื้อขายหุ้น และการยกระดับการจัดการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ให้ความเชื่อมั่นกลับมาในตลาดทุนให้ได้มากขึ้น เนื่องจากที่เกิดเหตุการณ์กรณีของ MORE เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2566 และกลางปี 2566 กรณีของ STRAK ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้วงการตลาดทุนรู้ว่าจะต้องปรับตัวและทำงานร่วมกันมากขึ้น ดำเนินการให้รวดเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น แต่ต้องบาลานซ์ไม่ทำให้การทำธุรกิจ การลงทุน และการระดมทุนยากกว่าเดิม

2.ต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และออกไปชักชวนหรือโรดโชว์นักลงทุนต่างชาติให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรและศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ ซึ่งตอนนี้มีหลายธีม อาทิ ความยั่งยืน (Sustainability) รูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve) อาทิ ธุรกิจพลังงานสะอาดหรือธุรกิจอีวี และเรื่องของ Well Being เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น

3.ต้องทำให้ตลาดทุนไทยเป็นที่ที่นักลงทุนรายย่อยและธุรกิจรายย่อยสามารถใช้ตลาดทุนไทยทั้งในการระดมทุนและไปลงทุนในต่างประเทศได้ และ 4.ต้องผลักดันตลาดทุนไทยไปสู่ระดับภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีนโยบายนี้อยู่แล้วในการสนับสนุนให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในประเทศไทย

“นโยบายที่เราได้รับจากนายกฯ ถือว่าค่อนข้างสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่เราดำเนินการอยู่ นายภากร กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า ระยะเวลาในการเทรดหุ้นของตลาดหุ้นไทยขณะนี้ดีอยู่แล้ว จากการที่เปิดช้ากว่าหลายตลาดในเอเชีย ข้อดีคือการได้เห็นเทรนด์จากต่างประเทศก่อน แต่ข้อเสียก็คือการถูกอิทธิพลจากตรงนั้นมากำหนดทิศทางของตลาดหุ้นไทย

“ส่วนใหญ่นักลงทุนจะดูว่าเทรนด์ต่างประเทศเป็นยังไง ถือว่ามีความได้เปรียบอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น หากตอนดึกดาวโจนส์ตกเยอะ แต่ตลาดเอเชียอื่น ๆ ที่เปิดก่อนไทยตกไม่มาก ความตกใจในบ้านเราก็จะน้อยลงไปด้วย แต่ข้อเสียคือ สิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอาจจะมาชี้นำตลาดบ้านเราก็ได้เช่นกัน แต่เชื่อว่าข้อดีมีมากกว่า”

แต่หากต้องขยายเวลาเทรดจริง ๆ มองว่าขณะนี้สภาพฟังก์ชันตลาดก็ได้อยู่แล้ว หากจำเป็นต้องขยายก็สามารถลดระยะเวลาการพักช่วงบ่ายลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมองว่าไม่ได้จำเป็นเพราะสภาพการซื้อขายของทุกวันนี้ก็ไม่ได้ล้นมือ ไม่ได้เห็นปัญหาอะไร ยังทำงานได้ดีอยู่

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เผยว่า เรื่องการขยายเวลาเทรดหุ้นไทย อยากให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เนื่องจากการเพิ่มระยะเวลาการซื้อขายหุ้นจะมีผลกระทบในหลายส่วนที่ต้องพิจารณาด้วย เพราะหลังจบการปิดการซื้อขายหุ้น การปิดบัญชีลงทุนในแต่ละวัน จำเป็นต้องขยายเวลาด้วยเช่นกัน ทำให้มีต้นทุนในเรื่องของคน ตราบใดที่ยังไม่มีระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วย ต้นทุนคนยอมเพิ่มขึ้นตาม และอาจจะส่งผลไปในอีกหลาย ๆ ส่วน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่จะมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้อง

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS กล่าวว่า แนวคิดการขยายเวลาซื้อขายหุ้นนั้น ข้อเสียคงไม่ได้มีอะไรมาก เช่น ผู้ประกอบการในธุรกิจหลักทรัพย์ อาจมองว่าหากขยายเวลาแล้วมีต้นทุนเพิ่ม แต่ประโยชน์ที่ได้คุ้มค่าหรือสมดุลหรือไม่ แต่ข้อดีคงเป็นเรื่องของภาพใหญ่ ที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายมีมากขึ้น

ส่วนกรณีที่ว่าจะทำให้ต่างชาติสนใจตลาดหุ้นไทยมากขึ้นหรือไม่นั้น ต้องดูว่าเวลาที่ขยายไปทับซ้อนกับช่วงเวลาตลาดหุ้นของประเทศไหน เปิดทำการหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องศึกษาระยะเวลาก่อนว่าจะขยายช่วงไหน แล้วจะได้ลูกค้าต่างประเทศในโซนไหน

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า หากมีแนวคิดเรื่องการขยายเวลาซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นจริง ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ กับประเด็นนี้ เพราะตนเองยังไงก็ได้ สามารถรับได้หมดกับเรื่องของระยะเวลาการซื้อขายหุ้น แล้วแต่ทุกฝ่ายจะเห็นสมควร และเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการซื้อขายหุ้นอยู่ที่เราเป็นคนกำหนด ว่าจะทำเสร็จภายในกี่ชั่วโมง แต่หากมีการขยายเวลาเพิ่มขึ้นก็ถือเป็นการต่อเวลาให้นักลงทุนต่อไปอีก

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การซื้อขายหุ้นของไทยควรมีการขยายเปิดให้เร็วขึ้นเพื่อสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค และปิดช้าลงเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากปัจจุบันมีโปรดักส์หลายตัวที่อิงกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอย่างตลาดหุ้นฮ่องกง การเปิดช้าเกินไปอาจทำให้เกิดการอั้นของข้อมูลได้

ดังนั้น การเพิ่มเวลาเทรดจึงเป็นเรื่องดีและการสร้างโอกาสหุ้นไทยมากขึ้น และโบรกเกอร์น่าจะได้ประโยชน์จากมูลค่าซื้อขายที่เพิ่มขึ้นด้วย แต่ปัญหาจะอยู่ที่เรื่องคน โดยเฉพาะส่วนของมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากต้องทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม นั่นจึงขึ้นอยู่กับว่าแต่ละโบรกเกอร์จะมีความพร้อมในการรองรับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนนายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ในกลุ่มธุรกิจธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า หากภาครัฐมีการเพิ่มระยะเวลาการซื้อขายหุ้นไทยเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาช่วงการเทรดหุ้นของไทยค่อนข้างสั้นเกินไป เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นด้วยเวลาห่างกันในแต่ละประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพตลาดทุนไทย ควรจะทำให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล เนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการลงทุนมากขึ้น ไม่สร้างอุปสรรคการลงทุน

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า แนวคิดในการขยายเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยนั้น หากมีการขยายเวลาซื้อขายในช่วงเช้าก็น่าจะพอได้ เพื่อให้ทันตลาดต่างประเทศ แต่คอนเซปต์ของตลาดุหุ้นไทยคือตั้งใจจะให้ตลาดต่างประเทศเคลื่อนไหวก่อน โดยเฉพาะในเอเชียด้วยกัน แต่หากจะขยายช่วงเย็นออกไปก็จะไม่สมเหตุสมผล น่าจะมีคนไม่เห็นด้วยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทั้งหลาย

สำหรับการขยายเวลาตลาดแน่นอนว่าจะทำให้มีการซื้อขายระยะเวลานานขึ้น อาจจะทำให้มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ดีขึ้นได้บ้าง แต่เรื่องระยะเวลาไม่สำคัญเท่ากับมู้ดในการเคลื่อนไหว เพราะช่วงบ่ายจะมีเวลาในการซื้อขายเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่กลับมีมูลค่าในการซื้อขายที่มากกว่าช่วงเช้าเป็นปกติ ขณะที่ช่วงเช้ามีเวลาการซื้อขายถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงเป็นไปได้ที่หากมีการขยายเวลา น่าจะขยายในช่วงบ่าย เช่น จากเดิมที่ให้พักถึง 14.30 น. อาจจะให้พักถึงแค่ 14.00 น. แต่ไม่น่าจะมีประโยชน์เรื่องของระยะเวลาที่จะได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ

นอกจากนี้ มองว่าการขยายเวลาดังกล่าวไม่ได้ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น เนื่องจากต่างชาติเป็นการส่งคำสั่งเข้ามาทั้งวัน ซึ่งประโยชน์ไม่ได้เป็นวงกว้าง แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากขึ้น และอาจมีประโยชน์กับนักลงทุนที่เทรด DW, DR ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นต่างประเทศ เช่น DR หุ้นฮ่องกง จากเดิมที่ต้องรอซื้อขายตอน 14.30 น. ตลาดหุ้นฮ่องกงก็ใกล้ปิดทำการแล้ว แต่หากเทรด 14.00 น. ก็สามารถมีเวลาเทรดหุ้นฮ่องกงผ่าน DR ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ความจำเป็นในการขยายเวลาซื้อขายจะมีไม่ได้มาก แต่ระยะเวลาในการเทรดของตลาดหุ้นไทยก็ทำให้เสียโอกาสในช่วงการเคลื่อนไหวของหุ้นญี่ปุ่นและฮ่องกงในช่วงบ่ายไปพอสมควร ดังนั้นเห็นด้วยหากจะลดเวลาพักในช่วงบ่าย แต่ถ้าจะไปขยายเวลาอื่น มองว่าไม่สมเหตุสมผล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับ “ตลาดหุ้นเกิดใหม่” ด้วยกันเอง ถือว่าเวลาซื้อขายหุ้นของไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ชั่ว โมง (จีน 4 ชั่วโมง, อินเดีย 6 ชั่วโมง 15 นาที, มาเลเซีย 6 ชั่วโมง, อินโดนีเซีย 4 ชั่วโมง 30 นาที, ฟิลลิปปินส์ 4 ชั่วโมง 30 นาที, เกาหลีใต้ 6 ชั่วโมง, เวียดนาม 4 ชั่วโมง 15 นาที)

เมื่อเทียบ “ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว” ที่มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 7 ชั่วโมง นั่นหมายถึงเวลาเทรดหุ้นไทย น้อยกว่าถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที (สหรัฐฯ 6 ชั่วโมง 30 นาที, ญี่ปุ่น 5 ชั่วโมง, ออสเตรเลีย 6 ชั่วโมง, ฮ่องกง 5 ชั่วโมง 30 นาที, สิงคโปร์ 8 ชั่วโมง, อังกฤษ 8 ชั่วโมง 30 นาที, ฝรั่งเศส 8 ชั่วโมง 30 นาที, เยอรมนี 8 ชั่วโมง 30 นาที)

Back to top button