ทำความรู้จัก 4 ไอพีโอ เรียงคิวเทรดปลาย ต.ค.นี้

เช็กเลย! 4 หุ้นน้องใหม่ "ไอพีโอ" เตรียมลงสนามเทรด TAN ประเดิมเทรด 18 ต.ค.นี้ ส่วนอีก 3 หลักทรัพย์ TRP, WINDOW และ ORN ตบเท้าเทรดช่วงปลายเดือนนี้


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นไอพีโอน้องใหม่ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือน ต.ค.นี้ มาเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยวันนี้ได้นำมาทั้งสิ้น 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย

1.บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในวันที่ 18 ต.ค.นี้ โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนรวมไม่เกิน 77.50 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วหลังไอพีโอ ด้วยราคาเสนอขาย 16.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าการระดมทุน 1.27 พันล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า TAN มีพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพเติบโตที่ดีจากการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นลักซ์ชัวรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มีข้อได้เปรียบการการแข่งขันของแบรนด์ภายใต้พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายและมีอัตราการเติบโตสูง ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่น ธุรกิจสปา แฟรนไชส์สปาและธุรกิจไลฟ์สไตล์อาหารและเครื่องดื่ม

รวมไปถึงมีความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์ และมีความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Bring the best of the brand to the best of Thailand” มีช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศรวมทั้งมีศักยภาพเติบโตในอนาคตสู่บริษัทชั้นนำในตลาดระดับภูมิภาค จากการเพิ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นเข้าสู่พอร์ตโฟลิโอและต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

อีกทั้งยัง วางกลยุทธ์การตลาดสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และการสื่อสารไปกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ ประสบความสำเร็จระดับสูงมาโดยตลอด ตอกย้ำความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่น และความเป็นเลิศทางด้านการตลาดของ TAN ได้อย่างดี จึงมั่นใจได้ว่า TAN จะเป็นหนึ่งในหุ้นคุณภาพที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAN เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์สินค้าและบริการระดับลักซ์ชัวรี และได้รับความไว้ใจจากแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับโลก ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่น ธุรกิจสปา, แฟรนไชส์สปา และธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มากด้วยคุณภาพ โดยถ่ายทอดจุดเด่นของแต่ละแบรนด์สู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด Bring The Best of The Brand to The Best of Thailand ด้วยวิชั่นที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับภูมิภาค จากการส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้า และสร้างคุณค่าจากการดำเนินงานที่ยั่งยืน ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แบรนด์สินค้าภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศ และในต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นชั้นนำจากต่างประเทศ 3 แบรนด์ ได้แก่ Pandora เครื่องประดับชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก, Marimekko แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นที่โดดเด่นด้านลายพิมพ์และสีสันจากประเทศฟินแลนด์ และ Cath Kidston แบรนด์ไลฟ์สไตล์กลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจจากประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทฯ 2 แบรนด์ ได้แก่ HARNN ผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์, สกินแคร์, สปา และอโรมาเทอราพี อีกทั้งVuudh ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสไตล์ไทยร่วมสมัย

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสปา แบ่งเป็น 4 แบรนด์ย่อย ได้แก่ HARNN Heritage Spa, The Spa by HARNN, By HARNN, และ Scape by HARNN โดยแต่ละแบรนด์มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ระดับลักซ์ชัวรี อัปเปอร์สเกลหรือบูทีค จนถึงลักซ์ชัวรีแอนด์ไลฟ์สไตล์ และมีการคัดเลือกแฟรนไชซีจากเครือโรงแรมชั้นนำของโลกเพื่อรักษามาตรฐานการให้บริการ และกลุ่มบริษัทฯ ยังมีการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ Marimekko pop-up café และ Cath Kidston Tearoom เพื่อผสมผสานผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่มีในพอร์ตธุรกิจของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และขยายระบบนิเวศทางธุรกิจให้ครอบคลุม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่กลุ่มบริษัทฯ

ขณะที่กลุ่มบริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่มีแบรนด์สินค้าที่มีความหลากหลาย มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมหลายช่องทาง โดยมีสินค้ามากกว่า 15,000 SKUs และระดับราคา (Price Range) หลากหลายตอบสนองความต้องการทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

รวมถึงมีแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่ประสบความสำเร็จระดับโลก มีอัตราการเติบโตสูง ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตโดดเด่น เช่น Pandora, Marimekko, Cath Kidston และ HARNN ซึ่งแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และมีศักยภาพเติบโตสูงในเทรนด์โลก อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นผู้บุกเบิกและนำเสนอแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย จนสามารถขยายสาขาและฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว ภายใต้วิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญในการบริหารแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่น เพื่อเป็นสื่อกลางในการนำเสนอความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์สู่ผู้บริโภค (Brand Experience) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงการปรับกลยุทธ์เพิ่มแบรนด์สินค้าเข้าสู่พอร์ตโฟลิโอ และต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

ประกอบความเป็นเลิศทางการตลาด (Marketing Excellence) และความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติการ (Operational Excellence) ด้วยการวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และการสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้แบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีความสามารถและประสบการณ์ ในธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมาอย่างยาวนาน

2.บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ดำเนินกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรมภายใต้ชื่อ “ธีรพรคลินิก” เพื่อให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้า ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี นำโดยนายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 40 ปี

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า TRP ได้เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 90 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 14 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 1,260 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าหุ้นของบริษัทจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (Service) ในปลายเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 21.12 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบันและอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคต

ขณะที่ นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจของทีมผู้บริหาร TRP เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย รองรับตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำการเป็นผู้ที่ให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไปในระดับชั้นแนวหน้าของประเทศ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRP เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์ไปใช้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น การก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้า พื้นที่รวมกว่า 9,918 ตร.ม. จากเดิมที่มีพื้นที่ให้บริการเพียง 1,157 ตร.ม. , จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์, นำไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าที่เติบโตตามจำนวนผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

TRP พร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย รองรับการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเทรนด์การดูแลสุขภาพและความงาม รวมถึงการเข้าสู่สังคมสูงอายุ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดศักยภาพและขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ กล่าว

3.บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW ผู้ผลิตและจำหน่ายประตูหน้าต่างสำเร็จรูปจากเส้นอลูมิเนียม (Aluminium) และเส้นยูพีวีซี (Unplasticized Polyvinyl Chloride: UPVC) ผลิตและจำหน่ายประตูหน้าต่างสำเร็จรูปจากเส้นอลูมิเนียม (Aluminium) และเส้นยูพีวีซี (Unplasticized Polyvinyl Chloride: UPVC)

โดย WINDOW เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 244.20 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 2.10 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 1,260 ล้านบาท และกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.66 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เร็วๆ นี้

นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริหาร WINDOW เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทเตรียมนำเงินไปขยายกำลังการผลิตและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยวางเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครันทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของ WINDOW คือ การนำทั้งเส้นอลูมิเนียม (Aluminum) และเส้นยูพีวีซี (Unplasticized Polyvinyl Chloride: UPVC) มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิต ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีทั้งส่วนที่บริษัทฯ ผลิตขึ้นและถูกจัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เอง และส่วนที่บริษัทฯ รับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (Original Equipment Manufacturer: OEM)

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตราสินค้าของบริษัทฯ ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า วินโดว์ เอเชีย (Window Asia) วินด์เฟม (Wind Fame) เฟรมเม็กซ์ (FRAMEX) และเอ็นโซ (Enzo) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปจัดจำหน่ายให้แก่ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern trade) ที่มีสาขาครอบคลุมพื้นที่เกือบทุกจังหวัดในประเทศ และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม (Traditional trade) ที่มีร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เป็นของตนเองในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้จากร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทั้ง 2 รูปแบบ เล็งเห็นถึงข้อจำกัดดังกล่าวจึงได้ปรับเปลี่ยนตราสินค้า สามารถสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้าให้มีความโดดเด่นและเป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีช่องทางในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งกว่า 700 สาขา ไปยังผู้บริโภคประกอบไปด้วย ช่องการจัดจำหน่ายทางตรง และช่องทางการจัดจำหน่ายทางอ้อม และมีการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพทั้งทางด้านความต้องการและกำลังในการซื้อสินค้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักในภูมิภาคและตลาดโลก และทำให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล

รวมถึงขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญและมีมาตรฐานในการดำเนินงานให้เข้ามาติดตั้งผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างของบริษัทฯ ให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภค หลังจากยอดขายในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เติบโตดี

นอกจากนี้ แต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 บริษัทหลักทรัพย์ นำโดย บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้น วันที่ 12 ต.ค. 66

4.บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ORN ประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันลงทุนในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูง ได้แก่ คอนโดมีเนียมแบบ Low rise และ High rise

โดย ORN เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 406.50 ล้านหุ้น หรือ 27.10% ของทุนชำระแล้วหลังไอพีโอ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ช่วงปลายเดือนนี้

นายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเพิ่มศักยภาพ ขยายโอกาส และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว

สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการระดมทุน เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินเปล่าในทำเลที่มีศักยภาพสำหรับนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย รองรับการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนของกลุ่มบริษัท ORN

Back to top button