SCGD เข้าเทรดวันนี้! มาร์เก็ตแคปเฉียด 2 หมื่นล้าน ขึ้นแท่นหุ้น IPO ใหญ่สุดปี 66

SCGD เข้าจดทะเบียนตลาด SET หมวดวัสดุก่อสร้าง ระดมทุน 5 พันล้าน เสริมแกร่งฐานทุน ขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความแข็งแกร่งด้านเงินทุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ธันวาคม 2566) บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SCGD”

สำหรับ SCGD เป็น flagship company ของกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ประกอบธุรกิจด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ดำเนินธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย และธุรกิจผลิตสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำในประเทศไทย ภายใต้ตราสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, MARIWASA และ KIA

โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน ผ่านเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายร้านค้าของบริษัท และส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจการให้บริการนิคมอุตสาหกรรมในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

สำหรับ SCGD มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 16,500 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ด้วยวิธีแลกหุ้น IPO ของ SCGD ตามแผนการปรับโครงสร้าง โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 439.1 ล้านหุ้น มีกำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2566 ในราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นละ 11.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 5,049.65 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 18,975 ล้านบาท

โดยการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากกระบวนการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุน (Book Building) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 19.9 เท่า โดยคำนวนจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – วันที่ 30 กันยายน 2566) ซึ่งเท่ากับ 953.6 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 1,650 ล้านหุ้น ได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.58 บาทต่อหุ้น โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGD เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SCGD จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความแข็งแกร่งด้านเงินทุน

ประกอบกับฐานการผลิตที่ทันสมัยและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจกว่า 40 ปี จะเสริมให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้ SCGD มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกำลังการผลิตและขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ในปี 2050 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท

SCGD มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังหักสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี รวมทั้งหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แผนการลงทุน สภาพตลาด ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นในอนาคต

ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 73.4% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

Back to top button