“ดาวโจนส์” ปิดบวก 26 จุด หลังตัวเลข “จ้างงานสหรัฐ” สูงเกินคาด หวั่นเฟดคงดอกเบี้ย

“ดาวโจนส์” ปิดบวก 25.77 จุด เพิ่ม 0.7% แตะ 37,466.11 จุด หลัง "กระทรวงแรงงานสหรัฐ" เปิดตัวเลขจ้างานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าคาด หนุนเฟดตรึงดอกเบี้ยระดับสูง


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,466.11 จุด เพิ่มขึ้น 25.77 จุด หรือ +0.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.24 จุด เพิ่มขึ้น 8.56 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,524.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.77 จุด หรือ +0.0.09%

โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.59%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.54% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.26%

สำหรับดัชนี S&P500 ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.

สำหรับดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันศุกร์นั้น ได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเหนือระดับ 4% หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว

โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้นสอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนที่สูงกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

ขณะที่นักลงทุนลดน้ำหนักสำหรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. 2567 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 53.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักมากถึง 72.8%

โดยนักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายในการซื้อขายวันแรก ๆ ของปีใหม่ ขณะที่รอความชัดเจนเกี่ยวกับเวลาและความเร็วในการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 173,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%

สำหรับค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9% เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้ทำลายความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนั้น ปิดตลาดสัปดาห์นี้ที่ระดับ 4.05%

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินบวก 0.5% และกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวได้ดีก่อนเริ่มฤดูเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเพโลทอน บริษัทผลิตอุปกรณ์ฟิตเนส พุ่งขึ้น 9.6% หลังประกาศเปิดตัวการเป็นพันธมิตรกับติ๊กต๊อกเมื่อวันที่ 4 ม.ค. เพื่อสร้างศูนย์กลางด้านการดูแลสุขภาพแห่งใหม่ขึ้นบนแพลตฟอร์มโดยใช้ชื่อว่า “#TikTokFitness Powered by Peloton” ซึ่งจะประกอบด้วยวิดีโอสั้นเกี่ยวกับฟิตเนส, คลาสเรียนสดที่ยาวนานขึ้น, คอนเทนต์จากผู้สอนของเพโลทอน และความร่วมมือกับบรรดาครีเอเตอร์ของติ๊กต๊อก

Back to top button