คัด 7 หุ้นท็อปพิก! รับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจพ่วงบอนด์ยีลด์ลด

“เจพีมอร์แกน” เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย หลังมองการท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม EV ฟื้นตัว พร้อมคัด 7 หุ้นท็อปพิก! กลุ่มสาธารณูปโภค คาดผลประกอบการแกร่ง รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-บอนด์ยีลด์ลด ชู CPALL-HMPRO-BH-PTTEP-TOP-KBANK-ADVANC


ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากเจพีมอร์แกน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการจัดงานสัมนา J.P. Morgan Thailand Conference ในเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น มีบริษัทเข้าร่วมงานสัมมนาทั้งสิ้น 40 บริษัท และมีนักลงทุนจำนวน 75 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558

โดยผลตอบรับจากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ บ่งชี้ให้เห็นว่านักลงทุนในประเทศไทยให้ความสนใจในด้านการลงทุนเป็นอย่างมาก แม้ในปีที่ผ่านมาจะเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลออกถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุจากความไม่มั่นคงด้านการเมือง และดีมานด์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ

อย่างไรก็ดีเจพีมอร์แกนยังเห็นแนวโน้มที่ดีจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว พัฒนาการด้านห่วงโซ่อุปทานของ EV และ คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคาร และยังมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเจพีมอร์แกนเพิ่มน้ำหนักในการลงทุน (Overweight) ต่อหุ้นไทยในปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าจำเป็น และสาธารณูปโภคซึ่งจะมีทั้งหุ้นที่ได้รับผลบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหุ้นที่ได้รับผลบวกจากบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้คัดเลือกหุ้นท็อปพิกน่าลงทุน ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO,บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANKและบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC

นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนระบุว่าจากการที่ได้ร่วมหารือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับตั้งโรงงานอุตสาหกรรมจากบริษัทนานาชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิต EV เนื่องจากมี 1) แรงงานที่มีฝีมือ 2) มีโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้ว 3) ระบบนิเวศทางยานยนต์ และไฟฟ้าที่สมบูรณ์ 4) มีนโยบายสนับสนุน โดยทางรัฐบาล และ WHA ระบุว่าเห็นได้ถึงผู้ผลิต EV ที่เข้ามาในไทยที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเป็นการหลีกหนีจากรัฐภูมิศาสตร์ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนั้นแล้วไทยยังมีแรงงานที่มีฝีมืออีกด้วย

ด้านการท่องเที่ยว เจพีมอร์แกนระบุว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้นนั้น โดยได้รับแรงผลักดันจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มกลับมา โดยคาดการณ์ว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 3 ล้านคน เข้ามาในไทยช่วงตรุษจีนนี้ และเห็นได้ชัดว่าการท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้วจากการต่อคิวที่หนาแน่นของทัวร์ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในสุวรรณภูมิ ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาเป็นอันดับหนึ่งของตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าในช่วงสองอาทิตย์แรกของปีนี้

นอกจากนั้นแล้วยังมีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน โดย บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) เติบโตขึ้นราว 14-16% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีอัตราการเข้าพัก(Occ Rate) ที่แข็งแกร่งราว 80% ในเดือนธันวาคมปี 2566

ส่วนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นปัจจัยหลักสำหรับการลงทุนในหุ้นไทยทั้งจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งจากต่างชาติและการทำความร่วมมือ (MOU) ระหว่างไทยและซาอุดิอาราเบีย เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเป็นตัวช่วยผลักดันการเติบโตในอนาคต

Back to top button