“สทท.” ชี้ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q1 ฟื้น! ชูธุรกิจสปา-นวดแผนไทยโตสุด

“สทท.” เปิดดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยวไตรมาส 4/66 แตะ 77 ชี้ไตรมาส 1/67 ฟื้นตัว รับการท่องเที่ยวหนุน ชูธุรกิจสปา-นวดแผนไทยบวกมากสุด ขณะที่นายกฯ ตั้งเป้ารายได้รวมจากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ยังทำได้ยาก แนะ 3 กลยุทธ์เร่งบรรลุ


ผู้สื่อข่าวรายงนว่า วันนี้ (8 ก.พ. 67) นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ไตรมาส 4/2566 ว่า อยู่ที่ระดับ 77 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 69 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยว ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ระดับ 82 คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/2566 เล็กน้อย และดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยผู้ประกอบการคาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวในไตรมาส 1/2567 จะดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยภาคเหนือ สถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกมากที่สุด ส่วนภาคกลาง เป็นบวกน้อยที่สุด สำหรับธุรกิจที่เป็นบวกมากสุด คือ ธุรกิจสปา/นวดแผนไทย ส่วนธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นบวกน้อยสุด

ด้านธุรกิจที่พักแรมมีรายได้ประมาณ 63% และมีการจ้างงานแล้ว 88% เทียบกับปี 2562 อัตราการเข้าพักในไตรมาส 4/2566 เฉลี่ยทั่วประเทศ 62% โดยกรุงเทพมหานครมีอัตราการเข้าพักสูงที่สุดที่ 68% โดยโรงแรมขนาดใหญ่มีอัตราการเข้าพัก 76% มากกว่าขนาดกลางและเล็ก ธุรกิจสปา/นวดแผนไทย 40% มีปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลากรและต้องการให้ภาครัฐช่วยพัฒนาทักษะแรงงาน ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทยในไตรมาส 4/2566 ประมาณ 4,293 บาท/คน/ทริป ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2566 (4,285 บาท/คน/ทริป)

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งเป้าหมายท้าทายรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ถือเป็นเรื่องดีมาก แม้จะเป็นเป้าหมายที่ทำได้ยากมากในปี 2567 แต่ก็ทำให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการธนาคารเร่งสร้างนโยบายและโครงการเพื่อมาสนับสนุนให้เกิดรายได้ตามเป้าหมายดังกล่าว หากทำได้สำเร็จก็จะดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งประเทศ และมีโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นประเทศอันดับสองของโลกในด้ายรายได้ ทำให้ สทท.มองว่าในด้านดีมานด์ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะทำได้ แต่ด้านซัพพลายยังมีความท้าทายหลายด้านที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“หากต้องการรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท จะต้องมาจาก 2 ส่วน คือต่างชาติเที่ยวไทย ซึ่งคาดการณ์ว่ารายได้จะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2.24-2.30 ล้านล้านบาท จะต้องมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 56,000-57,5000 บาทต่อคนต่อทริป และไทยเที่ยวไทยอีก 1.20-1.26 ล้านล้านบาท ซึ่งในปี 2562 เคยมีรายได้ไทยเที่ยวไทยที่ 1.08 ล้านล้านบาทมาแล้ว หากใช้ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมก็จะสามารถทำตามเป้าหมายได้” นายชำนาญกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สทท.จึงขอเสนอยุทธศาสตร์ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์มุ่งเป้า 2.ยุทธศาสตร์คลังสมองท่องเที่ยวไทย และ 3.ยุทธศาสตร์ Tourism Clinic เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของ Supply Side ที่ปัญหาหลักของผู้ประกอบการมี 4 ด้าน คือการเงิน บุคลากร การตลาด และนวัตกรรม Tourism Clinic จะเป็นเสมือนคุณหมอคอยตรวจสอบและให้คำแนะนำผู้ประกอบการ เพื่อให้กลับมาแข็งแรงและเก่งกว่าเดิม

Back to top button