XO ส่งซิกปี 67 ยอดขายโต 20% รุกขยายตลาดต่างประเทศ-เพิ่มไลน์ผลิต

XO กางแผนธุรกิจส่งออกซอสปี 67 ตั้งเป้ายอดขายโต 20% เดินหน้าขยายตลาดซอสส่งออกในทวีปยุโรป มุ่งหาโอกาสบุกตลาดต่างประเทศ พร้อมแผนเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ 1 ไลน์ รองรับยอดขายกว่าพันล้านบาท ที่จะแล้วเสร็จในปี 68


นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้งเครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดประจำปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 785.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.79% จากปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 340.16 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากลูกค้า ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,521.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,066.43 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 73.31% สาเหตุหลักเนื่องจากการขยายตลาดในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา โดยในช่วงสิ้นปี 2566 สินค้าของบริษัทฯ ได้วางจำหน่ายในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วกว่า 1,500 สาขา จากเดิมช่องทางกระจายสินค้าอยู่ในตลาดดั้งเดิม หรือ Traditional Trade

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 รวมทั้ง การปรับขึ้นราคาขายสินค้า สนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าในปี 2566 อยู่ที่ 46.76% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเท่ากับ 41.35% สำหรับปริมาณการขายในงวดสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 28,301 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2565 อยู่ที่ 17,188 ตัน อีกทั้งในปี 2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากลูกค้ากลุ่มหลักอยู่ในทวีปยุโรป 63.8% และไฮไลท์จากกลุ่มอเมริกาสัดส่วนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 22.9% ในด้านการใช้อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ทะลุ 135% ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง

นายจิตติพร กล่าวว่า ภาพรวมในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าขยายตลาดซอสส่งออกในทวีปยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลัก อีกทั้งในอเมริกาทุกอย่างยังดูดี มีการขยายช่องทางการจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง การบุกประเทศที่เป็นโอกาสต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมีแผนการเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ 1 ไลน์ ที่โรงงานเดิม ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2567 ที่จะทำให้สามารถรับออเดอร์และวางแผนได้

โดยเครื่องจักรใหม่สามารถรองรับยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท จากการผลิตกะเดียวโดยไม่ใช้โอที และมีการขอ BOI สำหรับไลน์ดังกล่าวด้วย ขณะที่แผนสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงกลางปี 2567 แล้วเสร็จปลายปี 2568

นอกจากนี้ทางด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.53 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 226,210,533 บาท โดยการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายจากผลกำไรจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้รับเครดิตภาษีในการคำนวณภาษีเงินได้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.358 บาท เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ดังนั้นเงินปันผลรวมประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จะเป็น 0.888 บาทต่อหุ้น

Back to top button