BEC รายได้โฆษณาหด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดกำไรปี 66 เหลือ 210 ล้านบาท เคาะปันผล 0.06 บ.

BEC รายได้โฆษณาหด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดกำไรปี 66 ลดลง 65% เหลือ 210 ล้านบาท อย่างไรก็ดีบอร์ดเคาะเตรียมจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค. 67 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 23 พ.ค. 2567


บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC รายงานผลประกอบการปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีกำไรสุทธิลดลงดังนี้

บริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 210.01 ล้านบาท ลดลง 65% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 607.03 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในปี2566 อยู่ที่ 3,963.2 ล้านบาท ลดลง 485.5 ล้านบาท หรือลดลง 10.9% จากปี 2565 ถึงแม้ว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มความเป็นผู้นําและสร้างความนิยมของเรตติ้งของธุรกิจทีวีในกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ จากละครคุณภาพอย่าเช่น “หมอหลวง”“มาตาลดา” และ “พรหมลิขิต”จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อน Soft-Power ของประเทศซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริม “5F Soft Power” รายได้จากการขายเวลาโฆษณายังคงเป็นรายได้หลักของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 85.2% ของรายได้จากการดําเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ “ช่อง 33” เป็นหลัก

อย่างไรก็ตามกลุ่ม BEC สามารถทำรายได้เพิ่มจากรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นในปี 2566 อยู่ที่ 689.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.8 ล้านบาท หรือ 3.6% จากปี 2565 โดยรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นนั้น ประกอบด้วย รายได้จากสองธุรกิจหลัก ได้แก่รายได้จากธุรกิจการจัดจําหน่ายละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) คิดเป็น 14.4% ของรายได้จากการดําเนินงานของกลุ่ม BEC เนื่องจากมีละครที่มีกระแสตอบรับที่ดีจนเป็น Soft Power ของสังคม ประกอบกับมีการร่วมมือกับหลายพันธมิตรคู่ค้าเพื่อเพิ่มสมาชิก SVOD

โดยสรุปรายได้จากการดําเนินงานของกลุ่ม BEC สำหรับปี 2566 อยู่ที่ 4,652.9 ล้านบาท ซึ่งลดลง 461.8 ล้านบาทหรือ 9% จากปี 2565 ที่ 5,114.7 ล้านบาท

ขณะเดียวกันเจอค่าใช้จ่ายทางภาษีเงินได้ของกลุ่ม BEC ในปี 2566 อยู่ที่ 136 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.4% จากปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาในการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีของบริษัทย่อย ของบริษัทฯในขณะที่ค่าใช้จ่ายทางภาษีในปี 2565 ตํ่ากว่าปกติจากผลขาดทุนจากการจําหน่ายเงินลงทุนในตราสารทุนในความต้องการ ของตลาดที่สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้

นอกจากนี้คณะกรรมการอนุมัติเตรียมจ่ายเงินปันผลงวดจากกำไรสะสม เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พ.ค. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2567

Back to top button