TACC กวาดรายได้ปี 66 แตะ 1.7 พันล้าน บอร์ดเคาะปันผล 0.19 บ. ขึ้น XD 7 พ.ค.นี้

TACC กวาดรายได้ปี 66 แตะ 1.7 พันล้านบาท บอร์ดเคาะปันผล 0.19 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 7 พ.ค.67 ปักหมุดรายได้ปี 67 โต 2 หลัก รุกเปิดตัวสินค้า Health and Wellness


นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566  บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.67% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,536.37 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner และขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C รองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในปี 2566 ยอดขายเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ของร้าน 7-Eleven ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ หลังเข้าไปรุกขยายสาขาในประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว ซึ่งเราได้มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และทำแผนการตลาดร่วมกัน เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 ถือเป็น “ปีแห่งการสร้างฐานของ New Growth จากนวัตกรรมสินค้า Health and Wellness“ ต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือพันธมิตรควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และมีแผนออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

ทั้งนี้ TACC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ทั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ในส่วนของธุรกิจ License Businessในปี 2567 บริษัทฯ จะมีคาแรคเตอร์ตัวใหม่ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน License Business ของบริษัทฯ มีทั้งคาแรคเตอร์ต่างประเทศ และคาแรคเตอร์ของไทย เช่น หมาจ๋า , Warbie Yama , Line Creators เป็นต้น หลังจากปีก่อนได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ และทำการตลาดในประเทศไทย สำหรับ “Bellygom” หมีสีชมพูสุดคิวท์ตัวแรกจากประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 4 ปี

นายชัชชวี กล่าวอีกว่า  ในส่วนของ บริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ที่เป็นบริษัทย่อยนั้น ซึ่งมีแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี โดยคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย รับกระแส Health and Wellness ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้

Back to top button