ALPHA ยื่นไฟลิ่งตั้ง ALPHART มูลค่า 3.5-3.8 พันล้าน รุกคลังสินค้า “บางนา-EEC”

ALPHA ยื่นไฟลิ่งขออนุญาตจัดตั้งทรัสต์ “ALPHART” สำหรับลงทุนในสิทธิการเช่าคลังสินค้าทำเลศักยภาพ 4 แห่ง มูลค่า 3,500-3,800 ล้าน ด้านแผนปี 67 เตรียมพัฒนาคลังสินค้าใหม่เพิ่มเติม 200,000 ตร.ม. เน้นฝั่งบางนา-EEC หวังรองรับตลาดส่งออกสินค้าโต


นายปธาน สมบูรณสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด หรือ ALPHA ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร ภายใต้การร่วมทุนระหว่างบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แอลฟา อินดัสเทรียล หรือ ALPHA Industrial Leasehold Real Estate Investment Trust (ALPHART) เพื่อระดมทุนสำหรับขยายธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัท ออริจิ้น รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการยื่นขออนุญาตการจัดตั้งกองทรัสต์และขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์

เบื้องต้น กองทรัสต์ ALPHART มีนโยบายจะลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการคลังสินค้าครั้งแรกจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการแอลฟา บางนา กม.22 (เฟส 1) โครงการแอลฟา บางนา กม.19 (เฟส 1) โครงการแอลฟา แหลมฉบัง (เฟส 1) โครงการแอลฟา รังสิต (เฟส 1) คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 167,000 ตร.ม. และคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนครั้งแรกประมาณ 3,500-3,800 ล้านบาท ปัจจุบัน มีกลุ่มผู้เช่าหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ กลุ่มผู้ให้บริการห้องเย็น และกลุ่มผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยโครงการแอลฟา บางนา กม.22 (เฟส 1) และ แอลฟา บางนา กม.19 (เฟส 1) มีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เต็ม 100%

นายปธาน กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน แอลฟา มีโครงการคลังสินค้าที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 9 โครงการ คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้น 385,000 ตร.ม. กระจายอยู่ใน 9 ทำเลยุทธศาสตร์หลักด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ รังสิต, บางนา กม.22, บางนา กม.19, บางนา กม.23, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 นี้ โครงการคลังสินค้าเฟสใหม่ๆ ในทำเลแหลมฉบัง บางนา กม.19 และพานทอง จะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ และเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมในปีนี้ คิดเป็นพื้นที่ราว 200,000 ตร.ม. เน้นเจาะทำเลบางนา และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น บริเวณ Free Zone ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง และในจังหวัดระยองเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของตลาดส่งออกที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการลงทุนด้านโลจิสติกส์จากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit Warehouse) ที่มีความซับซ้อนของคลังสินค้า หรือโรงงาน และระบบต่างๆ ภายในคลังสินค้าที่ต้องการความเชี่ยวชาญสูงในการพัฒนา

“ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในทุกมิติของการดำเนินกิจกรรมภายในคลังสินค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนการหาพื้นที่ การออกแบบ การก่อสร้าง การนำระบบ Automation หรืองานระบบที่มีความซับซ้อน ความใส่ใจในมาตรฐานสากล และรายละเอียดอื่นๆ ตามความต้องการ และรูปแบบธุรกิจของลูกค้า ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจให้พัฒนาคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit อย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเช่าคลังสินค้าเป็นที่น่าพอใจ ไม่น้อยไปกว่าคลังสินค้าแบบ Ready Built” นายปธาน กล่าว

Back to top button