ช้างศึกบุกเจ๊าโสมขาว 1-1! สิงคโปร์ฮึดตีเสมอจีน หนุนไทยขึ้นรั้งที่ 2 ศึกคัดบอลโลกรอบสอง

ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 3 ทีมชาติไทย บุกไปยันเสมอ ทีมชาติเกาหลีใต้ 1-1 ประตู เก็บเเต้มสำคัญได้สำเร็จรวมเป็น 4 แต้ม หนุนไทยขึ้นรั้งที่ 2 เตรียมล้างตานัดหน้าวันที่ 26 มี.ค. สนามราชมังคลากีฬาสถาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(21 มีนาคม 2567) การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 3 “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย อันดับ 101 ของโลก ออกไปเยือน “โสมขาว” ทีมชาติเกาหลีใต้ อันดับ 22 ของโลก ณ สนามโซล เวิลด์คัพ สเตเดียม เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยรายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทย ประกอบด้วย ปฏิวัติ คำไหม (ผู้รักษาประตู), นิโคลัส มิคเกลสัน, สุพรรณ ทองสงค์, พรรษา เหมวิบูลย์, ธีราทร บุญมาทัน, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด

ส่วนทีมชาติเกาหลีใต้ ประกอบด้วย โช ฮยอน อู (ผู้รักษาประตู), ซอล ยัง อู, คิม ยอง กวอน, คิม มิน แจ, คิม จิน ซู, เพค ซึง โฮ, ฮวาง อิน บอม, อี แจ ซอง, ชอง อู ยอง, จู มิน คิว, ซน ฮึง มิน

โดยเริ่มเกมช่วง 10 นาทีแรก ทีมชาติเหนืออกสตาร์ตได้เหนือกว่า มีโอกาสครองบอลบุกกดดันหน้าปากประตูเกาหลีใต้หลายครั้ง โดยโอกาสที่ได้ลุ้นมากที่สุดเป็นจังหวะที่ศุภชัย ใจเด็ด ได้ส่องไกล บอลกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมแต่ผู้รักษาประตูเกาหลีใต้พุ่งปัดออกไปได้

เกมผ่าน 20 นาที เป็นเกาหลีใต้ที่ได้เริ่มครองบอล แต่ก็ยังไม่ได้เร่งเกมอะไรมากนัก แม้มีจังหวะบุกขึ้นมาโจมตีฝั่งไทยบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้หวาดเสียวอะไรมากนัก

นาทีที่ 30 เกาหลีใต้ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ เป็น ซน ฮึง มิน ที่ได้บรรจงปั่น บอลไปแฉลบพวกเดียวกันเองเกือบกลายเป็นดี ทำให้ ปฏิวัติ คำไหม ต้องพุ่งปัดออกไป

จากนั้นเกมรุกของเกาหลีใต้เริ่มทำงานมากขึ้น และเริ่มบุกกดดันใส่ทีมชาติไทยหนักขึ้น โดยทีมชาติไทยยังช่วยกันเล่นเกมรับได้ดี แต่เกมสวนกลับทัพช้างศึกยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น

นาทีที่ 37 ซน ฮึง มิน ได้โอกาสทอง จากจังหวะทำชิ่งกับเพื่อนหน้าปากประตูทีมชาติไทย จนพื้นที่เปิดและมีช่องได้ยิง น่าเสียได้ที่เจ้าตัวซัดบอลข้ามคานออกไป นาทีนี้เกาหลีใต้บุกอยู่ฝ่ายเดียว

แม้ทีมชาติไทยจะยื้อมาจนเกือบจบครึ่งเวลาเเรก แต่ในนาทีที่ 42 เกาหลีใต้ก็มาได้ประตู จากจังหวะไปสุดเส้นเเล้วหักกลับมาให้ ซน ฮึง มิน ได้ยิงจ่อ ๆ หน้าเส้นกรอบ 6 หลา ส่งบอลซุกก้นตาข่ายไป บวกประตูที่ 45 ในนามทีมชาติให้ตัวเอง และพาเจ้าบ้านออกนำก่อน 1-0

จบครึ่งเวลาแรกด้วยสกอร์ 1-0 ประตู โดยที่เกาหลีใต้เหนือกว่าชัดเจนหลังจากตั้งเกมของตัวเองได้ ครองบอล 70% ต่อ 30% และมีโอกาสยิง 9 ต่อ 3 ครั้ง

ต่อมาเริ่มต้นครึ่งเวลาหลังมาได้ไม่นาน รูปเกมก็คล้ายช่วงครึ่งเเรก ที่เกาหลีใต้ยังคงครองบอลบุกทั่วสนาม โดยเน้นการโจมตีทางด้านข้าง ทำให้เเบ็กของทีมชาติไทยทั้ง 2 ฝั่งค่อนข้างงานหนัก

นาทีที่ 53 เกาหลีใต้มีโอกาสทองที่จะทิ้งห่าง โดยทำเกมบุกขึ้นมาทางด้านขวา และเป็น ชอง อู ยอง ได้กดด้วยซ้าย แต่ ปฏิวัติ คำไหม ยังเซฟไว้ได้ก่อนที่บอลจะไปชนคาน ไทยรอดเสียประตู

แต่นาทีที่ 61 ทีมชาติไทยก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ นิโคลัส มิคเกลสัน กดเต็มข้อจากด้านขวา และเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ตัวสำรองที่ อิชิอิ พึ่งส่งลงสนาม ได้วิ่งสอดเข้ามายิง พาทีมชาติไทยกลับคืนสู่เกมที่ 1-1 และทำให้เกาหลีใต้เสียประตูเเรกในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

นาทีที่ 68 เกาหลีใต้พลาดโอกาสขึ้นนำ 2-1 หลังจากที่ส่งบอลเข้าประตูไปได้เเล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตู ยกธงล้ำหน้าจากจังหวะของ ซน ฮึง มิน หลังจากนั้นทัพโสมขาวก็ครองบอลบุกใส่ทีมชาติไทยเช่นเดิม

เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกาหลีใต้ยังคงพับสนามบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ทีมชาติไทยยังช่วยกันเล่นได้ดี นาทีที่ 88 ทีมชาติไทยรอดเสียประตูอีกครั้งจากจังหวะเซฟลูกยิงของ ปฏิวัติ คำไหม และอีกครั้งจากจังหวะต่อเนื่องกันในลูกเตะมุม ซึ่ง ปฏิวัติ คำไหม ยังเซฟไว้ได้

ก่อนที่นาทีถัดมา เกาหลีใต้เกือบได้ประตูอีกครั้ง จากจังหวะยิงของ เพค ซึง โฮ ซึ่งบอลค่อย ๆ ไหลผ่านหน้าปากประตูไป จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 6 นาที เกาหลีใต้ก็ยังเร่งเกมบุกใส่ชนิดที่ว่าแฟนบอลไทยหายใจไม่ทั่วท้อง

จบเกมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ทีมชาติไทย บุกไปยันเสมอ ทีมชาติเกาหลีใต้ 1-1 ประตู เก็บ 1 แต้มสำคัญได้สำเร็จ รวมเป็น 4 แต้ม โดยหลังจากจบเกมนี้ทีมไทยเตรียมแข่งขันต่อในนัดที่ 4 โดยจะพบ “เกาหลีใต้” อีกเกมในวันที่ 26 มี.ค.67 เวลา 19.30 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ส่วนอีกหนึ่งคู่ “สิงคโปร์” เปิดสนามกีฬาแห่งชาติ ต้อนรับการมาเยือนของ “จีน” เกมนี้ จีน ออกสตาร์ทได้อย่างคึกคัก ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 จากลูกยิงของ อู๋ เหล่ย และเกือบจะได้ประตูที่สองในนาทีที่ 30 แต่ อู๋ เหล่ย ซุปตาร์ตัวเก่งพลาดจุดโทษ

อย่างไรก็ตาม อู๋ เหล่ย คนเดิม มาแก้ตัวได้สำเร็จ ซัดให้ จีน หนีห่าง สิงคโปร์ 2-0 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ต่อมาครึ่งหลังแม้ จีน จะยังบุกได้เยอะกว่า แต่กลายเป็น สิงคโปร์ มายิงคืน 2 ประตูรวด จาก ฟาริส รามลี นาที 53 และตัวสำรอง อย่าง จาค็อบ มาห์เลอร์ ในนาทีที่ 81 ตีเสมอ 2-2

สุดท้ายไม่มีใครยิงกันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที สิงคโปร์ เปิดบ้านเสมอ จีน 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน

จากผลเสมอในเกมนี้ถือว่าส่งผลดีต่อทีมชาติไทย โดย จีน ลงเล่นไป 3 นัด มี 4 แต้ม ลูกได้เสียติดลบ 2 รั้งอันดับ 3 โดย “ช้างศึก” ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 มี 4 คะแนนเท่ากับ จีน แต่ลูกได้เสียบวกหนึ่ง ซึ่งดีกว่า ขณะที่สิงคโปร์ มี 1 แต้ม รั้งบ๊วยของตาราง

Back to top button