ก.ล.ต. ลงดาบ 6 ราย ปมปั่นหุ้น BM ปรับเงิน 8 ล้านบาท

ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่งผู้กระทำความผิด 6 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น BM โดยสั่งปรับรวม 8 ล้านบาท พร้อมกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าช่วงเดือนธันวาคม 2560 ถึงเดือนพฤษภาคม 2561 มีกลุ่มบุคคล 2 กลุ่ม ได้ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM ในลักษณะสร้างราคาหลักทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน โดยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม คือ ช่วงเกิดเหตุที่ 1 ผู้กระทำความผิด 2 ราย คือ นายลือชา โพธิ์อบ และนายสิทธิชัย ลิมป์โสวรรณ ซึ่งเป็นคู่ค้าทางธุรกิจได้ส่งคำสั่งซื้อ รวมถึงคำสั่งขายในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ราคาปริมาณเดียวกัน และใกล้เคียงกัน

พร้อมทั้งจับคู่ซื้อขายหุ้น BM ในปริมาณมากจำนวน 4 วันทำการ คือ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 วันที่ 6 และ 12 – 13 มีนาคม 2561 ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคา และปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 (1) ประกอบมาตรา 244/5 (2) (3) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/2 มาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

โดย คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย ซึ่งกำหนดมาตรการลงโทษ คือ ให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง เพื่อชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดรายละ 678,666 บาท พร้อมห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลารายละ 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลารายละ 12 เดือน

ขณะที่ช่วงเกิดเหตุที่ 2 ผู้กระทำความผิด 4 ราย ซึ่งมีความสัมพันธ์กันในทางส่วนตัวหรือธุรกิจโดยตรง และรู้จักกันผ่านการเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ 1.นายฐนริศร์ พรพัฒนะแจ่มใส 2.นางสาวอัจฉราภรณ์ ราชนาจันทร์ และ 3.นายศักดิ์สุมิตร สมรพิทักษ์กุล ได้ร่วมกันส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น BM ในลักษณะสร้างราคาช่วงระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 28 พฤษภาคม 2561 เช่นการกวาดคำเสนอซื้อที่ดีที่สุด (offer 1), การเคาะซื้อด้วยหุ้นปริมาณน้อยเพื่อผลักดันราคาให้เพิ่มขึ้น, การจับคู่ซื้อขายระหว่างกันเอง และการทำราคาปิด

โดยมี 4.นายศุภฤกษ์ แคว้นน้อย เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อรับโอนเงินจากนักลงทุนอื่น และโอนต่อให้ผู้กระทำความผิดรายอื่นนำไปใช้ซื้อขายหุ้น BM ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกัน อีกทั้งมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

ทั้งนี้ถือเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 (1) (2) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือมาตรา 244/3 (1) (2) ประกอบมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ แล้วแต่กรณี ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกันขณะที่ ค.ม.พ. จึงมีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 4 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ดังนี้

1.ให้นายฐนริศร์ นางสาวอัจฉราภรณ์ และนายศักดิ์สุมิตร ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด จำนวน 2,097,003 บาท จำนวน 2,952,653 บาท และจำนวน 1,005,628 บาท ตามลำดับ ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลารายละ 11 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 22 เดือน

2.ให้นายศุภฤกษ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด จำนวน 589,333 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 11 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 22 เดือน

นอกจากนี้ มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดหากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด ส่วนเงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

Back to top button