TOA เปิดโรดแมปมุ่งสู่ Net Zero ชู 7 กลยุทธ์หนุนธุรกิจยั่งยืน ปักธงรายได้ปีนี้โต 8%

TOA เปิดโรดแมป GREEN MISSION มุ่งสู่ Net Zero ปี 2593 ชู 7 กลยุทธ์หนุนธุรกิจยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง ทุ่มงบ 1 พันล้านบาท ลุยปรับปรุงการผลิต เพื่อลดการใช้พลังงานให้น้อยลง พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้โต 5-8% พ่วงจับตางบไตรมาส 1/67 ประกาศ 14 พ.ค.นี้


นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า  บริษัทฯในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน ตลอดระยะเวลา 60 ปี และมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของโลกในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action)

ล่าสุดบริษัทได้เปิดแผนนโยบาย GREEN MISSION เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2593 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. Environment การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 2. Social ความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชนและสังคม  และ 3. Governance การกำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย

ทั้งนี้ TOA ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 50% ภายในปี 2573 หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) พร้อมตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2585

โดยดำเนินงานผ่าน 7 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. Green Production เราใส่ใจและให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการผลิตภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้กระบวนการผลิตในระบบปิดที่ได้มาตรฐานระดับสากล ใช้ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนในการผลิต ใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดจากแสงอาทิตย์

2.Green Energy การใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดจากแสงอาทิตย์ทั้งในส่วนการผลิตและการดำเนินกิจกรรมทั่วไปในบริษัท ลดการใช้พลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิล ใช้ระบบการขนส่งสินค้าภายในและภายนอกด้วยระบบรถไฟฟ้า (EV)

3.Green Value Chain กระตุ้น ผลักดัน และสนับสนุนให้เกิด Green Environment ในทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากภายนอกบริษัททั้งในส่วนคู่ค้าและลูกค้า ทำให้เกิดวงจรสีเขียวขึ้นครบระบบอย่างแท้จริง รวมทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคในการเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของประเทศ

4.Green Partner การร่วมมือกับพันธมิตรภาคธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกอย่างยั่งยืน หรือ Green Partner ในการสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมสีเขียวที่ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการคิดค้นโซลูชั่นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์คู่ค้า ผู้บริโภค และช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5.Green Reforestation จัดตั้งโครงการ “TOA รักษ์เรา รักษ์โลก ฟื้นคืนผืนป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนและประเทศ

6.Greenovation มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 7. Green Certified เราได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ “TOA GREEN CERTIFIED” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพ การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ ช่วยลดโลกร้อน

นอกจากนี้ TOA ยังได้ผ่านการรับรองฉลากคาร์บอนและฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งมี 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือฉลากลดโลกร้อน (CFR)  ได้แก่ กลุ่มสีทาอาคารและแผ่นยิปซัมมากถึง 320 ผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมตลาด สีทาอาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเรือธงอย่าง SuperShield, TOA Organic Care, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPER MATEX, Expert series (Shield, Pro, Flex) และ TOA 7in1 อีกทั้งยังมีอีก 40 ผลิตภัณฑ์ที่เตรียมได้ฉลากลดโลกร้อน (CFR) โดยคาดว่าจะประกาศได้ภายในเดือนพ.ค.นี้

ทั้งนี้ TOA มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทุกมิติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการตาม กลยุทธ์  7-Green สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 31,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) เทียบเท่ากับการปลูกต้นสักมากกว่า 1,800,000 ต้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า TOA คือผู้นำตลาดอุตสาหกรรมสีของคนไทย ที่พร้อมเคียงข้างคุณ ในการ ปกป้องบ้าน ดูแลสิ่งแวดล้อม และช่วยโลกที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

นายจตุภัทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเน้นซื้อเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิตในโรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยประหยัดพลังงานน้อยลงตามนโยบาย ส่วนแผนการตลาดยังเน้นในประเทศเป็นหลักซึ่งมีสัดส่วนราว 85% ที่เหลือในต่างประเทศ 15% ได้แก่ พม่า,กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 คาดทรงตัวเทียบปีก่อน คาดจะประกาศในวันที่ 14 พ.ค. นี้ ขณะที่ทิศทางไตรมาส 2 คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนเช่นกัน เนื่องจากยังมีเรื่องขอดอกเบี้ย และเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้น แต่อย่างไรก็ตามงบประมาณภาครัฐเริ่มออกคาดว่ากลางปีเป็นต้นไปเศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยบริษัทยังคงเติบโต 5-8% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 22,200 ล้านบาท ขณะที่กำไรคาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงาน ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ และ แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่มีนโยบายในการที่จะปรับราคาสินค้าในปีนี้

Back to top button