“บล.กรุงศรี” มองกรอบดัชนีเดือน มิ.ย. 1,350-1,300 จุด ชู MINT-ICHI-BJC ท็อปพิก

“บล.กรุงศรี” ประเมินกรอบดัชนีเดือน มิ.ย. แกว่งตัวบริเวณ 1,350-1,300 จุด แนะซื้อหุ้น MINT-GFPT-HANA-ICHI-OSP-BJC และ MTC หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดตัวเลขจ้างงานภาคการเกษตรประจำเดือนพฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่ง  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลตัวเลขการจ้างงานภาคการเกษตรประจำเดือนพฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เพียง 182,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.90%

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยถึงตัวเลขการจ้างงานรายชั่วโมงเดือนพฤษภาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.10% เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ไว้เพียง 3.90% เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนค่าจ้างรายชั่วโมงในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 0.40% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.30% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนี้นับเป็นข้อมูลสำคัญที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อในตลาด

ดังนั้น ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดการณ์ทำให้นักลงทุนกังวลว่าคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมถึงการประชุมที่จะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2567

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า จากตัวเลขรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน พฤภาคม 2567 ของสหรัฐฯ นั้น แม้ดูแข็งแกร่งจากปัจจัยต่างๆ อาทิ 1.ระดับการจ้างงานเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งเป็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มบริการ กลุ่มรัฐบาล รวมถึงเป็นการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานชั่วคราวเป็นหลัก และ 2.ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.40% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือนซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.30% เมื่อเทียบรายเดือนเช่นกัน โดยทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุ 10 ปี (US Bond Yield) กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.15% สู่ระดับ 4.42% อย่างไรก็ตาม การเลิกจ้างที่สูงกว่าระดับการจ้างงานเพิ่มส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 4.0% บ่งชี้สัญญาณภาพรวมภาคแรงงานสหรัฐฯที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าที่ตลาดกำลังกังวล

ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าภาพสัญญาณเศรษฐกิจยังคงบ่งชี้ถึงการประคองเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Soft Landing) พร้อมๆ กับระดับเงินเฟ้อที่ลดลงได้ โดยมุมมองฝั่งเศรษฐกิจระดับอัตราว่างงานล่าสุดยังต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดคาดการณ์ไว้อยู่ที่ระดับ 4.10% โดยจากการคำนวณของฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าระดับอัตราการว่างงานต้องอยู่สูงเกินระดับ 4.40-4.50% ถึงจะสร้างความเสี่ยงให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามเกณฑ์กลไกอัตโนมัติเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ (Sahm’s Rule)

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าในการประชุมเฟดในวันที่ 12 มิ.ย. มีโอกาสที่เฟดจะส่งสัญญาณ Base-Case : Neutral Hold หรือเอียงไปทาง Dovish Hold เนื่องจากเฟดอาจเห็นความเสี่ยงระยะกลางเล็กน้อยของภาคแรงงาน ทั้งนี้คาดว่าระยะสั้นตลาดหุ้นไทย SET Index อาจจะมีโอกาสตอบรับภาพลบจากบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ที่กลับมารีบาวน์ขึ้นระยะสั้น แต่เชื่อว่าจะผันผวนต่ำกว่าในต่างประเทศ เนื่องจากไม่ได้ตอบรับภาพบวกบอนด์ยีลด์ที่อ่อนลงในสัปดาห์ก่อนเหมือนต่างประเทศนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD Performance) ลดลง 5.90% ส่งผลให้ปรับตัวลงต่ำกว่ามาตรฐานของตลาดทั่วโลก

นอกจากนี้มีโอกาสเห็น Upside การปรับลดดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดประเมินในปี 2567 อยู่ที่ 1 ครั้ง เพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่ภาพ (Soft Landing) ภายใต้ภาพหลักที่ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินกรอบดัชนีอยู่ที่ 1,350-1,300 จุด คือจุดซื้อที่น่าสนใจ

ผลดังกล่าวข้างต้นทางฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นเด่นประจำเดือนมิถุนายน 2567 อาทิ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC

Back to top button