“ธปท.” ส่งซิกคลายนโยบายเพิ่ม รับมือภาษี “ทรัมป์” กดดันเศรษฐกิจ

“ปิติ ดิษยทัต” รองผู้ว่าการ ธปท. พร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มหากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงจากสงครามการค้าโลก คาด GDP ปี 68 โตเพียง 2% จากแรงกดดันภาษีนำเข้า


ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความพร้อมที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม หากเห็นว่าจำเป็นต่อการประคับประคองเศรษฐกิจจากผลกระทบของความไม่แน่นอนในสถานการณ์การค้าโลก โดยเฉพาะความตึงเครียดด้านภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ธปท.คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าอัตราเติบโต 3.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้

โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.75% และได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 ลงเหลือ 2% จากสมมติฐานว่าภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ราว 10% ซึ่งจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี

นายปิติ เตือนว่า หากสงครามการค้าระหว่างประเทศยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 1.3% ภายใต้สมมุติฐานที่สหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าเป็น 18% จากประเทศคู่ค้าหลัก โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 36% ซึ่งกระทบต่อภาคการส่งออกโดยตรง

ด้านค่าเงินบาท นายปิติ ระบุว่า ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนยังคงสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม และธปท.จะดำเนินการดูแลไม่ให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินจนเกินไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินในภาพรวม

Back to top button