
“บล.กรุงศรี” มอง SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” จับตางบ “บจ.” ไตรมาส 1
บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทยประจำเดือน เม.ย.68 และการรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/68 โบรกฯ ชูหุ้นเด่น AOT-SCC-TASCO รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
“สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (6 พ.ค – 9 พ.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “Sideways-Up” ให้กรอบแนวรับที่ 1,187-1,176 จุด จุด แนวต้าน 1,214-1,227 จุด โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET Index ที่ต้องติดตาม ได้แก่
ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ติดตามรายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือนเม.ย. 68 โดยตลาดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) จะหดตัวที่ -0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยังไม่มีการคาดการณ์ในเชิงรายเดือน เทียบกับตัวเลขในเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ +0.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -0.2% เมื่อเทียบรายเดือน
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกประเทศ แนะนำนักลงทุนติดตาม วันที่ 5 พ.ค. สหรัฐเตรียมเปิดดัชนี PMI ภาคบริการ (ISM) ประจำเดือนเม.ย. 68 ซึ่งไม่มีคาดการณ์ ขณะที่หาดเทียบกับเดือนก่อนหน้าดัชนีอยู่ที่ 51.4 จุด และวันที่ 8 พ.ค. ติดตามประชุม FOMC ตลาดคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะคงดอกเบี้ยนโยบายกรอบ 4.25-4.5% (ไทยทราบผลประชุมเช้า 8 พ.ค.) ทั้งนี้ คาดการณ์ตลาดติดตามมุมมอง Fed ต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มอ่อนลง และปัจจัยจากนโยบาย (Trade Tariffs) ทยอยมีผล
รวมถึงระหว่างวันที่ 6 – 9 พ.ค. ติดตามความคืบหน้าแนวทางการดำเนินนโยบายภาษีการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาทาง การค้ากับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ
อีกทั้ง ในช่วงเวลาเดียวกัน วันที่ 8 พ.ค. ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) 0.25% สู่ ระดับที 4.25%.
ส่วนปัจจัยจากฝั่งประเทศจีน ในวันที่ 6 พ.ค. จีนเตรียมเปิดรายงานดัชนี PMI ภาคบริการ (Caixin – ธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก) ตลาดคาด 51.8 จุด เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 51.9 จุด ขณะที่ 9 พ.ค. จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลการส่งออกและนำเข้าเดือนเม.ย. แม้ยังไม่มีการคาดการณ์จากตลาดในขณะนี้ แต่ตัวเลขในเดือนก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่าการส่งออกขยายตัว 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าหดตัว 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ หากมองมาที่ SET Index นั้นมีทิศทางแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และ Volume การซื้อขายเริ่มสนับสนุน ปัจจัยสนับสนุน คือ 1.) ภาพรวมสัญญาณการเจรจาการค้าสหรัฐฯ – ประเทศต่างๆ ที่มีความคืบหน้า รวมถึงจีนคู่กรณีที่เริ่มมีสัญญาณทางบวกชัดเจนขึ้น ส่วนไทยเองทยอยลดประเด็นที่สหรัฐฯอาจมอง ข้อจำกัดของการเจรจา
2.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณชัดเจนว่านโยบายดอกเบี้ยได้เข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย (Easing Cycle) แล้ว โดยแรงกดดัน หลักมาจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกในระยะกลาง-ยาว จากนโยบาย Tariffs ของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มกระทบเศรษฐกิจโลกมากกว่าประเทศ เป้าหมายอย่างจีนเอง แม้ระหว่างสัปดาห์จะยังมีภาพการทยอยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงต่อเนื่อง และมีการประเมิน GDP ไทยปี 68 เติบโตในกรอบ 1.5-2.0%
รวมถึง Moody’s ออกมาปรับลด Credit Rating Outlook ไทย สู่ “Negative” จาก “Stable” แต่ SET ที่ ตอบรับล่วงหน้า YTD ติดลบเป็นลำดับต้นของโลกแล้วจนมี Equity Risk Premium (ERP) ณ ปัจจุบันใกล้ระดับ Deep Value ระดับ Crisis รุนแรง AVG + 2 S.D. ท าให้ตลาดตอบรับภาพบวกที่เข้ามาเติม Upside คาดการณ์ที่ถูกทยอยปรับลงไปแล้วมากกว่า ซึ่งการปรับลด ดอกเบี้ยถือเป็น 1 ในปัจจัยช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน หลังประเมินสัปดาห์หน้า “Sideways-Up” สนับสนุนหลักจากการเจรจา Trade Tariffs ระหว่าสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีนคู่กรณีหลักที่กระทรวงพาณิชย์ที่กำลังพิจารณาแนวทางเจรจากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ติดตามการประชุม FOMC ตลาดคาดคงดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มชะลอ ผสานการเจรจาการค้าต่อเนื่อง อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ทบทวนท่าทีใหม่
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศติดตามรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/68 และฝ่ายนักวิเคราะห์ได้คัดหุ้นเด่น ในในธีม Reopening Trade อาทิกลุ่มชิ้นส่วน เกษตร นิคมอุตสาหกรรม China Plays) และหุ้นที่คาดรายงาน กำไรไตรมาส 1/68 ออกมาดี อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF*, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA
สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์นักท่องเที่ยวสัปดาห์นี้เด่นจากวันหยุดแรงงานจีนและญี่ปุ่น โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 49.60 บาท
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC คาดการณ์การเจรจาการค้าจีนและสหรัฐฯ รวมไปถึงการซ่อมแซ่มแผ่นดินไหวสนับสนุนผลงานต่อ แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 175 บาท
, บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 500 ล้านบาท นับเป็นการการฟื้นตัวแรงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลง 13% จากไตรมาสก่อนหน้า ผนวกกับมีปัจจัยสนับสนุนต่อเนื่อง ปลายเดือนนี้ จะมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 เข้าที่ประชุมรัฐสภา
นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) โดยสัปดาห์ที่แล้วเงินทุนไหลเข้า (หุ้น+พันธบัตร) ภูมิภาค Asia (exJ) +2814 ล้านเหรียญฯ ไทยเงินไหลออก 95.6 ล้านเหรียญฯ (ซื้อหุ้น +126.3 ล้านเหรียญฯ และมีการขายพันธบัตร -221.9 ล้านเหรียญฯ) เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 33.0 +/-บาท