อดีตสมาชิกพรรค รทสช. ร้องนายกฯ ปลด “พีระพันธุ์” ปมซุกหุ้น-ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี

“ไตรภพ นครชัยกุล” นำทีมอดีตกรรมการบริหาร “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ยื่นหนังสือต่อ “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 171 ปลด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” พ้น รมว.พลังงาน ปมซุกหุ้น-นั่งบอร์ดบริษัทเอกชนหลายแห่ง ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ-ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้( 6 พ.ค.68)เมื่อ เวลา 13.00 น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มี ว่าที่ร้อยเอกไตรภพ นครชัยกุล อดีตหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ ,นายอาทิตย์ ตั้งธรรม อดีตกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ,นายอัมรัน เจ๊ะเลาะ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และประธาน สาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เดินทางมา เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรีปลดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลที่ยืนยันแน่ชัดว่า ดังที่จะประทานกราบเรียนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดังข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้

(๑) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพลังงาน ถูกกล่าวหากรณี แจกถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นงบประมาณของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นงบประมาณ ที่ในการจัดซื้อเป็นเงินงบประมาณจากรัฐ แต่กลับติดสติ๊กเกอร์รูปและชื่อของตนเอง เป็นการใช้ทรัพย์สิน ของหลวงเพื่อประโยชน์ของตนเอง อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำขัดต่อผลประโยชน์ทับซ้อน โดยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา ภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘ นี้

(๒) ข้อมูลถือครองหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท อันเป็นเอกสารมหาชน อย่างชัดแจ้ง ความปรากฏ แก่นายทะเบียนพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าในปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังเป็นผู้ถือหุ้น รายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.๕) ของบริษัท รพีโสภาค จำกัด บริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด ,บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด และ บริษัท พี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือ รับรองรายการผู้ถือหุ้น (บอจ.๕) เอกสารที่แนบมาด้วย

(๓) ปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท รพีโสภาค จำกัด ปรากฏตามหนังสือรับรองนิติบุคคลของบริษัท รพ์โสภาค จำกัด

(๔) ในขณะที่ นายพีระพันธุ์ฯ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์กระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ อันทำให้สถานะความ เป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงและขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ได้แก่ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น โดยเข้าไปบริหารจัดการและยุ่งเกี่ยวกับบริษัท รพีโสภาค จำกัด ในฐานะเป็น กรรมการ โดยปรากฏหลักฐานงบดุลระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ฯ ยังคงไว้สถานะถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท รพีโสภาค จำกัด ทำการซื้อทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยรับโอน ๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท ซื้อเพิ่ม ๑๔,๖๕๐,๐๐๐ บาท มีสิ่งปลูกสร้างเพิ่ม ๓๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๒๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านห้าแสนบาท) (งบการเงินระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖

๕) เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๗ นายพีระพันธุ์ฯ ได้รับพระบรมราชโองการฯ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พลังงาน ในรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นต้น ถึงปัจจุบัน มีพฤติการณ์โดยชัดแจ้ง ดังนี้
๕.๑ นับแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ นายพีระพันธุ์ฯ ได้คงสถานะเป็น กรรมการบริษัท ของบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด บริษัท โสภา คอลเล็คชั่น จำกัด อันเป็นการกระทำฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๗

๕.๒ นับแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๗ ถึงปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ฯ ยังคงถือครองหุ้นเกินกว่า ๕ เปอร์เซนต์ ของบริษัท รพีโสภาค จำกัด บริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด และ บริษัท พี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

๕.๓ นับแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๖๗ ถึงปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ฯ ยังเป็นกรรมการบริษัท รพีโสภาค จำกัด บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘๗ วรรคหนึ่ง บัญญัติ ห้ามเด็ดขาดห้ามรัฐมนตรีเป็นเจ้าของหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท และห้ามเป็น ลูกจ้างของบริษัท รวมทั้งรัฐมนตรีจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือ บริษัทไม่ว่าในทางใดๆ มิได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๗ วรรคสาม

ทั้งการถือหุ้นเกินกว่าจำนวน ๕ เปอร์เซ็นต์จะต้องแจ้งให้แก่ประธาน ปปช. ทราบและไม่คงหุ้นไว้ ให้โอนแก่นิติบุคคลที่บริหารจัดการ ตาม พ.ร.ป.ปปช. มาตรา ๑๒๖ มาตรา ๑๒๗ และ ประกาศ ปปช. รวมถึง พระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้บัญญัติห้ามไว้เด็ดขาด แต่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรี ยังกระทำฝ่าฝืน

รวมทั้งมีผู้ร้องให้ ป.ป.ช. กกต. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ไต่สวนเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
กรณีรัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ล้วนเป็นบทบัญญัติคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี

กรณีที่นายพีระพันธุ์ฯ ได้แจ้งข้อมูลและกรอกข้อมูลหรือให้ข้อมูลในแบบแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการอื่น อาจจะขัดกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติการ จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๓ อันเป็นลักษณะปกปิดการกระทำของตนเอง ส่งผลให้ท่าน ในฐานะนายกรัฐมนตรีไม่ตรวจสอบให้ดี ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอ ตรวจสอบคุณสมบัติการซุกหุ้นและ เป็นเจ้าของหรือกรรมการบริษัทหลายบริษัท อันมีผลกระทำต่อความรับผิดชอบของท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๒๑/๒๕๖๗ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีต นายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ โดยคำวินิจฉัยผูกพันทุกองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๑ วรรคท้าย

อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา ๑๗๓ เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามและกระทบต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึง กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะฝ่ายบริหาร ข้าพเจ้าขอให้ท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีได้โปรด ปรับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน โดยใช้ช่องทางมาตรา ๑๗๑ เพื่อให้พ้นจากรัฐมนตรีเฉพาะราย ทั้งมิให้กระทบถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจกระทบต่อรัฐมนตรี ทั้งคณะ เพราะความปรากฏแล้วว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๗ ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีสิ้นลงเฉพาะราย ประกอบขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐมนตรีในรัฐบาล ของท่านจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเสนอทูลเกล้าฯ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และต้อง ไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๐(๔) (๕)

ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.40 น.ทางกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง พล.ต.ต.สุรสิทธ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีทุกกระทรวง รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่อไป หลังจากนั้น เวลา 14.00 น.ได้เดินทางกลับ

Back to top button