TRUE อัดงบ 3 หมื่นล. ลงทุน Cloud–AI ดันอิบิทด้าโต 10% ส่งซิกปันผลครึ่งปีหลัง

TRUE รุกหนักโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ปรับระบบ IT และเครือข่ายขึ้นสู่ Cloud พร้อมนำ AI เสริมศักยภาพองค์กร ทุ่มงบ 3 หมื่นล้าน หนุนเป้าอิบิทด้าแตะ 8-10% ขณะที่ครึ่งหลังของปีมีโอกาสจ่ายปันผลให้นักลงทุนเป็นครั้งแรกหลังควบรวมกิจการ


นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย ไม่เพียงแต่ในช่วง 10 ปีข้างหน้า แต่จะเริ่มเดินหน้าทันที เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในยุคดิจิทัล

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายในการปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT และเครือข่าย (Network) ให้เข้าสู่ระบบ Cloud มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการใช้งาน Cloud Solutions เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของบริษัท

ขณะที่ในส่วนของการลงทุนด้านเทคโนโลยี บริษัทมีความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยี AI แต่จะไม่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud Data Center โดยตรง สำหรับงบประมาณการลงทุนอยู่ในระดับประมาณ 28,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมโครงการขนาดใหญ่ เช่น Single Grid Project และการลงทุนในเทคโนโลยี Cloud และ AI

โดยเป้าหมายของบริษัทคือการย้ายระบบ IT และ Network Infrastructure ขึ้นสู่ Cloud ให้มากที่สุด และใช้ AI ในกระบวนการภายใน เช่น การคาดการณ์ปัญหา การวิเคราะห์เพื่อการบำรุงรักษาล่วงหน้า การจัดการพลังงาน ตลอดจนการแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์มากขึ้น โดยมีการใช้งานจริงแล้วในหลากหลายรูปแบบกว่า 200 use cases

ทั้งนี้ ยังไม่มีการกำหนดชื่อแพลตฟอร์มหรือแบรนด์เฉพาะสำหรับ AI อย่างเป็นทางการในขณะนี้ แต่การดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจ True เช่น True IBC หรือ True Business

ส่วนประเด็นการให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม (Direct Satellite-to-Consumer) นั้น บริษัทมองว่าไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมกับประเทศไทย เนื่องจากประเทศมีโครงข่ายสื่อสารครอบคลุมอยู่แล้วแม้ในพื้นที่ห่างไกล จึงไม่มีความจำเป็นในการลงทุนด้านบริการนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่เฉพาะ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่ต้องการความเร็วและความครอบคลุมของสัญญาณสูง บริษัทอาจพิจารณาโซลูชันในลักษณะ B2B เป็นรายกรณี

ด้านผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมาแม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรอยู่ที่ประมาณ 2-3% แต่มีเป้าหมายจะขยายอัตรากำไรให้เพิ่มขึ้นเป็น 8-10% ในอนาคตผ่านการควบคุมต้นทุนและการเพิ่มรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เรื่องเงินปันผลของบริษัทนั้นคาดว่าจะสามารถจ่ายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันยังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและยกระดับบริการภายในประเทศเป็นหลัก โดยยังไม่มีแผนการขยายสู่ตลาดต่างประเทศในระยะสั้น แม้ประเทศไทยจะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ แต่บริษัทก็มีแผนดำเนินการในด้านบริการใหม่ เช่น Mobile Money, Data Center และบริการดิจิทัลอื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

โดยกลยุทธ์หลักของบริษัทในระยะเริ่มต้นประกอบด้วย 3 แกนสำคัญ ได้แก่ 1) การยกระดับคุณภาพบริการพื้นฐานและเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 2) การสร้างแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและเป็นองค์กรที่ผู้คนอยากร่วมงานด้วย และ 3) การส่งมอบสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มมากกว่าการให้บริการพื้นฐานแบบ data package เพียงอย่างเดียว

ด้านกลยุทธ์เทคโนโลยี บริษัทให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งเครื่องมือและวิธีการใช้งาน โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล (Security) และการใช้งานอย่างมีจริยธรรม (Responsible AI และ Responsible Cloud) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค รวมถึงเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้

ส่วนประเด็นที่บริษัท BlackRock ได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท IDC Data Center Company ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งการเข้ามาของ BlackRock ช่วยเสริมศักยภาพให้สามารถสร้าง Data Center ใหม่ ๆ ได้ในประเทศไทย รวมถึงขยายขนาดของ Data Center ที่มีอยู่เดิมให้ใหญ่ขึ้น ไม่เพียงในไทยแต่ยังรวมถึงตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค

โดยขณะนี้ กลุ่มบริษัทฯ กำลังเจรจากับลูกค้ารายใหม่ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีความต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ในขณะนี้

นายซิกเว่ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนผลักดันผู้ใช้งานระบบ 3G ให้เปลี่ยนไปใช้งานบนเครือข่าย 4G ผ่านบริการเสียงบนเครือข่าย LTE (Voice over LTE – VoLTE) โดยเตรียมพิจารณาแนวทางการรวมบริการเสียงเข้ากับบริการอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกและประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในระยะยาว เช่น Edge Computing, Private Network, และ Cloud-based Compute Power ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการแข่งขันในอนาคต โดยเฉพาะในยุค 5G และ AI ที่ต้องการความเร็ว ความแม่นยำ และความปลอดภัยสูงยิ่งขึ้น

สำหรับกระบวนการทั้งหมดจะทยอยดำเนินการและไม่สามารถแล้วเสร็จได้ภายในปีเดียว แต่เป็นแผนระยะยาวที่วางเป้าหมายชัดเจนว่าจะปรับโครงสร้างระบบให้ทันสมัยและยืดหยุ่นต่อการเติบโตในอนาคต ทั้งในเชิงเทคโนโลยีและการแข่งขันระดับภูมิภาคและสากล

Back to top button