“ธปท.” เปิดทาง G-Token ชูระดมทุนเหมือนบอนด์ แนะอย่าใช้จ่ายแทนเงินสด

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวถึงกรณีสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เตรียมขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล G-Token วงเงินเบื้องต้น 5,000 ล้านบาทนั้น ว่าเป็นสิ่งที่ดำเนินการได้ ซึ่งเป็นลักษณะการระดมทุนที่คล้ายกับการออกพันธบัตรรัฐบาล

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย มีกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนเทียบเคียงพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล และไม่อยากเห็นว่านำมาใช้เป็นเครื่องมือในการชำระเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการชำระเงินในภาพรวมของไทย

ขณะนี้เรื่องเศรษฐกิจภาพรวม เห็นสัญญาณการลงทุนเกิดการชะลอตัวบ้างแล้ว และคาดว่าผลกระทบจากสงครามการค้าจะชัดเจนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และทอดยาวไปถึงปีหน้า ซึ่งนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ได้ฉายภาพทัศน์ว่าให้จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมทั้งไทยควรกำกับดูแลไม่ให้สินค้าจากจีนไหลทะลักเข้าไทย จนทำให้ไทยเสียดุลการค้ากับจีน ควรทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเลต

เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งไม่เหมาะนำมาใช้เป็นนโยบายในขณะนี้ ควรหันไปดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ส่วนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเกี่ยวกับธรรมาภิบาล เพราะกระทบต่อเครดิตเรทติ้งประเทศ ที่จะถูกลดมุมมองส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมภาครัฐที่เพิ่มขึ้นกระทบเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลไทย

นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวถึงการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐกับจีนที่เริ่มมีท่าทีดีขึ้น และมีการลดภาษีให้กันชั่วคราว เป็นพัฒนาการเชิงบวก คาดว่าจะได้ผลดีกว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อย

โดยกรณีสหรัฐและจีนเจรจาผ่อนผันเรื่องภาษีกันได้ชั่วคราว 90 วัน อาจมีผลต่อ GDP ไทยประมาณ 0.1% เนื่องจากเป็นการลดภาษีชั่วคราว 1 ไตรมาส หลังจากนั้นต้องจับตาผลการเจรจา รวมถึงผลกระทบโดยรวมเมื่อเทียบกับไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอของไทย กลุ่มเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะได้รับผลกระทบ Import flooding