
ก.ล.ต.คลอดเกณฑ์ใหม่ เพิ่มความยืดหยุ่นธุรกิจ-รองรับสินทรัพย์ดิจิทัล มีผล 16 ส.ค.นี้
ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ใหม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มความยืดหยุ่น บริหารความเสี่ยง และรองรับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล มีผลบังคับใช้ 16 ส.ค. 68
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุนออกหลักเกณฑ์การซื้อหรือมีหุ้นและการประกอบกิจการอื่น เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (รวมเรียก “ผู้ประกอบธุรกิจ”) มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและมีการบริหารความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อธุรกิจหลัก ลูกค้า หรือกระทบต่อความน่าเชื่อถือหรือชื่อเสียง (reputation risk) อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ รวมถึงรองรับพัฒนาการของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปัจจุบันมีความแพร่หลายมากขึ้น โดยมีสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ ดังนี้
การซื้อหรือมีหุ้นและการประกอบกิจการอื่น ผู้ประกอบธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ซึ่งต้องไม่เข้าลักษณะเป็นกิจการที่ห้ามดำเนินการ (negative list) และ ก.ล.ต. มีตัวอย่างประเภทกิจการอื่นที่ได้รับอนุญาต (positive list) บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการประกอบกิจการอื่น โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องมีการแจ้งต่อ ก.ล.ต. ล่วงหน้า สำหรับกรณีการลงทุนในหุ้นถึงระดับที่มีนัยสำคัญ ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเพิ่มเติม เช่น กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการลงทุน การวิเคราะห์ความเสี่ยง และแจ้ง ก.ล.ต. ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน
การอนุญาตประกอบกิจการอื่นเกี่ยวกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (DA) ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่จำกัดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ Crypto Asset (Cryptocurrency และ Utility Token) ต้องแยกนิติบุคคลในการให้บริการ โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องมีมาตรการป้องกันการเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ (cross-selling) อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ กรณีบริษัทหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับการให้บริการโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุน (Investment Token) ที่ได้รับอนุญาตเสนอขายจาก ก.ล.ต. และโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ให้แจ้ง ก.ล.ต. ล่วงหน้า 15 วัน ก่อนเริ่มดำเนินการ เพื่อให้ ก.ล.ต. พิจารณาระบบงานที่อาจมีความแตกต่างจากธุรกิจหลักทรัพย์
การประกอบกิจการอื่นเกี่ยวกับการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืน (repo และ reverse repo) จัดประเภทหลักทรัพย์ที่ใช้ในธุรกรรมให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจทำธุรกรรม reverse repo เพื่อการบริหารสภาพคล่องกับผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น
(การให้บริการด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ผู้ประกอบธุรกิจสามารถให้บริการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีสินค้าหรือตัวแปรอ้างอิง (underlying) ได้เท่าเทียมกัน เพื่อให้มีการกำกับดูแลเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
โดยประกาศที่ปรับปรุงหลักเกณฑ์นี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป