“พิชัย” นำทีมไทยถก ‘อาเซียน-เอเปค” ผนึกความร่วมมือการค้า รับเดดไลน์ 90 วัน

“พิชัย” นำทีมไทยถกอาเซียน-เอเปคที่เชจู เดินเกมเศรษฐกิจเชิงรุก เสนอใช้โอกาสจากการผ่อนปรนภาษีของสหรัฐฯ 90 วัน เร่งเจรจาสร้างสรรค์ เสริมความร่วมมืออาเซียน รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Ministerial Caucus) ซึ่งจัดควบคู่กับการประชุมรัฐมนตรีด้านการค้าเอเปค (Ministers Responsible for Trade: MRT) ณ เมืองเชจู สาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนในเอเปค อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไน เพื่อหารือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน พร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือทางการค้าในภูมิภาค และการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาในช่วงเศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอน

นายพิชัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมยืนยันจุดยืนร่วมของอาเซียนในการสนับสนุนระบบการค้าเสรีที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และอิงตามกฎเกณฑ์สากล พร้อมเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า และถือโอกาสจากการที่สหรัฐฯ ระงับมาตรการภาษีชั่วคราว 90 วัน เป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างสร้างสรรค์เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า

รัฐมนตรีอาเซียนยังเห็นพ้องกันว่า ความเป็นเอกภาพของภูมิภาคและการตอบสนองอย่างทันท่วงทีต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาเซียนยังคงมีบทบาทโดดเด่นในเวทีโลก โดยจะเร่งพัฒนาความร่วมมือเชิงรุก เช่น การยกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) ให้ทันต่อบริบทเศรษฐกิจยุคใหม่ และเน้นย้ำความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคีในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ด้านนายพิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ควบคู่กับการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ผ่านมาตรการสนับสนุนในระยะสั้นและระยะยาว เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การพัฒนาองค์ความรู้ และการส่งเสริมการขยายตลาดส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)

ปัจจุบัน อาเซียนถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก มีประชากรรวมประมาณ 680 ล้านคน (คิดเป็น 8.5% ของประชากรโลก) และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Nominal GDP) รวมกันราว 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนศักยภาพและบทบาทที่สำคัญของภูมิภาคในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่

Back to top button