
“บล.กรุงศรี” มอง SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาตัวเลขส่งออก-อภิปรายงบปี 69
บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาตัวเลขส่งออกและนำเข้าประจำเดือน เม.ย.68 และการพิจารณางบประมาณปี 69 โบรกฯ ชูหุ้นเด่น GULF-SCC-TOP รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (26 พ.ค – 30 พ.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “ฟื้นตัว” ให้กรอบแนวรับที่ 1,167-1,152 จุด จุด แนวต้าน 1,190-1,207 จุด โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET Index ที่ต้องติดตาม ได้แก่
วันที่ 27 พ.ค. 68 ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดการณ์โครงการลงทุนภาครัฐฯ จะอนุมัติมากขึ้น และวันที่ 30 พ.ค. ติดตามรายงานยอดนำเข้า-ส่งออก และดุลการค้าระหว่างประเทศไทยประจำเดือน เม.ย.68 รวมไปถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม คือ วันที่ 27 พ.ค. ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (Consumer Confidence Index) โดย Conference Board ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 87.0 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 จุดในเดือนก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเปิดเผยรายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ประจำเดือนเมษายน ซึ่งตลาดคาดว่าจะหดตัวลง 8.2% จากเดือนก่อนหน้า เทียบกับตัวเลขที่ขยายตัว 9.2% ในเดือนมี.ค.
ขณะเดียวกัน ตลาดยังรอติดตามรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สหรัฐฯ ไตรมาส 1/2568ครั้งที่สอง ซึ่งคาดว่าจะหดตัว 0.3% เมื่อเทียบรายไตรมาสในรูปแบบ annualized ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่รายงานในครั้งแรก สำหรับวันที่ 30 พ.ค. ติดตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ประจำเดือนเม.ย. โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า และติดตามดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน พ.ค. คาด 51.0 จุด รายงานรอบก่อน 50.8 จุด
ส่วนปัจจัยจากประเทศจีนที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ติดตามรายงานตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนประจำเดือนเมย. แม้จะไม่มีการคาดการณ์จากตลาด แต่ตัวเลขในเดือนก่อนหน้าขยายตัว +2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สุดท้ายนะนำติดตาม ในวันที่ 30 พ.ค. ติดตามการเปิดเผยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นประจำเดือนเม.ย. ซึ่งตลาดคาดว่าจะหดตัว 1.1% จากเดือนก่อนหน้า หลังจากเดือนมีนาคมขยายตัว 0.2% ขณะเดียวกัน จะมีการรายงานอัตราการว่างงานประจำเดือนเม.ย. ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 2.5% เช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ SET Index ปรับลงหลุด 1,200 จุด ลงมาอีกครั้ง แรงกดดันหลักๆ มาจาก 1.) Sentiment ลบเรื่องสหรัฐถูกลด US Credit Rating 2.) หุ้นในกลุ่ม Commerce อย่าง CPAXT, CPALL ปรับลง คาดผลกระทบรัฐฯชะลอโครงการ Digital Wallet
หุ้นท่องเที่ยว อาทิ MINT BA และ AOT รายงานนักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุดยังลดลงทั้งเมื่อเทียบระหว่างสัปดาห์และจากปีก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มสายการบินมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
3.) ประเด็นการเมือง คาดเป็นปัจจัยกดดัน 22 พ.ค. ศาลปกครองสูงสุดนัดตัดสินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องขอเพิก ถอนค าสั่งกระทรวงการคลัง ที่เรียกชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และสัปดาห์หน้าการพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 ในทางตรงข้ามหุ้นที่หนุนดัชนี คือ กลุ่มประกันชีวิตTLI, BLA ตามทิศทาง Bond Yields ที่เร่งขึ้นแรงโดยเฉพาะ ในสหรัฐ กลุ่มธนาคาร BBL และ SCB ตาม GDP ไทยที่ออกมาดีกว่าคาด
สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ คือ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ให้ราคาพื้นฐาน 56.50 บาท คาดการณ์ Yield มีโอกาสอ่อนลงตามภาพเงินเฟ้อสหรัฐฯรวมทั้งเงินบาทแนวโน้มแข็งค่า ขณะที่ GULF เป็นหนึ่งในหุ้นได้ประโยชน์จากแนวทางรัฐฯ ไทยจะเจรจากับสหรัฐฯ
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ให้ราคาพื้นฐาน 210 บาท คาดแรงหนุนการหารือการค้าสหรัฐฯ-จีนเพิ่ม ส่วนแนวโน้ม Spread ปิโตเคมี HDPE- Natha มีทิศทางสูงขึ้น
รวมทั้ง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท ความกังวลเศรษฐกิจโลกเกิดภาวะถดถอยลดลง ผสานค่าการกลั่น เร่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) สัปดาห์ที่แล้วเงินทุนไหลเข้า(หุ้น+พันธบัตร) ภูมิภาค Asia (exJ) +2759.8 ล้านเหรียญฯ ไทยเงินไหลเข้า +491.6 ล้านเหรียญฯ (ซื้อหุ้น และพันธบัตร +76.2 และ +415.4 ล้านเหรียญฯ) เงินบาทอ่อนค่า w-w ที่ 33.62 +/-บาท