
TOA ปรับกลยุทธ์ ลุยกลุ่มเคมีก่อสร้าง-สุขภัณฑ์ หนุนมาร์จิ้น-เน้นคุมต้นทุน
TOA ปรับกลยุทธ์ ผนึกกลุ่ม “Sanitary Ware” เปิดตัวสุขภัณฑ์สัญชาติจีน แบรนด์ “JOMOO” อย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่ม Non-Decorative เพื่อให้มีสินค้าที่ครบวงจร พร้อมพยายามคุมต้นทุนต่อเนื่อง
ว่าที่ร.ต. สุรศักดิ์ มั่นแดง ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชีกรรมการบริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 5,425 ล้านบาท ลดลง 0.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิ 733.10 ล้านบาท ลดลง 8.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 804.05 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 นี้ อาจชะลอตัวลงเล็กน้อย เช่นเดียวกับช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมีผลต่อยอดขายผลิตภัณฑ์สี ที่เป็นสินค้าหลักของ TOA เพราะในช่วงหน้าฝนจะไม่นิยมทาสีบ้าน อย่างไรก็ตาม เคมีภัณฑ์บางประเภทที่ใช้ในงานซ่อมแซมและก่อสร้างยังสามารถสร้างรายได้ทดแทนได้ดีในช่วงไตรมาส 1–2
ทั้งนี้ บริษัท ฟาสต์-มิกซ์ จำกัด หรือ Fast-mix ที่ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง โดย TOA ถือหุ้นอยู่ 80% ตั้งแต่ปีก่อน โดยล่าสุด TOA ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มจนถือครองครบ 100% แล้วในปีนี้ โดยเล็งเห็นว่า Fast-mix จะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและจะมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มแนวทาง Total Solution ของ TOA ได้อย่างแน่นอน
ว่าที่ร.ต. สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทุกธุรกิจต่างมีความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบต่อหลายภาคส่วนในบริษัท อีกทั้งยังมีเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและอาคารสูง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ TOA ทำให้อัตราการสั่งซื้อสินค้าหลักอย่างสีลดลง
อย่างไรก็ตาม TOA มองว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยยอดขายผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการใช้ซ่อมแซมความเสียหายหลังเกิดภัยพิบัติ ขณะเดียวกันไตรมาส 2 ที่เข้าสู่ฤดูฝน ยอดการสั่งซื้ออาจชะลอตัวเช่นเดียวกับไตรมาสแรก แต่อาจจะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และก็ยังคงต้องดูปัจจัยทางเศรษฐกิจควบคุมไปด้วยเช่นกัน
ขณะที่สัดส่วนยอดขายตามภูมิภาค ถือว่าประเทศไทยยังคงเป็นตลาดหลัก คิดเป็นสัดส่วน 80% ของยอดขายรวม โดยยอดขายในไทยเพิ่มขึ้น 2.10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายตามช่องทาง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ส่วนช่องทาง Modern Trade แม้เพิ่มขึ้นไตรมาสก่อน แต่ยังลดลงจากปีก่อน ด้านเมียนมาเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญที่มียอดขายเติบโตโดดเด่นในไตรมาสที่ผ่านมา
ว่าที่ร.ต. สุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมในปี 2568 บริษัทฯ คงประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายอยู่ราว 800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ในการปรับปรุงและเปลี่ยนเครื่องจักรที่โรงงานบางนาและสำโรง เพื่อให้ทันสมัยแล้วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวยังช่วยลดต้นทุนบางส่วนของบริษัทฯ ส่งผลให้มาร์จิ้นสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งโซล่ารูฟท็อปเพื่อให้การใช้ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านกลยุทธ์ ในปีนี้ TOA ได้ร่วมมือกับทางกลุ่ม Sanitary Ware เปิดตัวสุขภัณฑ์สัญชาติจีน แบรนด์ “JOMOO” อย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่ม Non-Decorative เพื่อให้มีสินค้าที่ครบวงจรและตอบสนองความต้องการลูกค้า
“อย่างไรก็ดี TOA พยายามรักษาระดับของต้นทุน ค้นหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ยังคงมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยังคงพัฒนาสินค้า การให้บริการ พัฒนาความหลากหลายเพื่อให้มีสินค้ามีประสิทธิภาพเป็นตัวเลือกที่ดีแก่ลูกค้ามายิ่งขึ้นรองรับการเติบโตในระยะยาว” ว่าที่ร.ต. สุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย