
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 50 จุด หวัง “ทรัมป์-สี จิ้นผิง” เจรจาการค้า-เงินเฟ้อชะลอตัว
“ดาวโจนส์” ขยับขึ้นเล็กน้อย 50 จุด ท่ามกลางสัญญาณบวกจากทรัมป์เรื่องเจรจาการค้าจีน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัว หนุนคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 โดยเพิ่มขึ้น 54.34 จุด หรือ +0.13% ปิดที่ 42,270.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,911.69 จุด ลดลงเล็กน้อย 0.48 จุด หรือ -0.01% ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 62.11 จุด หรือ -0.32% ปิดที่ 19,113.77 จุด
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นเปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ หลังจากทรัมป์วิจารณ์จีนผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social กล่าวหาจีนละเมิดข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ พร้อมแสดงท่าทีแข็งกร้าว อย่างไรก็ดี ตลาดพลิกกลับขึ้นได้บางส่วนหลังจากทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในช่วงบ่ายว่า จะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อหาทางออกจากความขัดแย้งด้านการค้า
ทั้งนี้ แม้ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 จะปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ทั้งสองดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นในภาพรวมเดือนพฤษภาคม โดย S&P 500 เพิ่มขึ้นราว 6.2% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายเดือนมากที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ขณะที่ Nasdaq พุ่งขึ้นถึง 9.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำหรับความผันผวนของตลาดในเดือนพ.ค. สะท้อนความวิตกจากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวในระดับสูง แม้จะเคยคาดการณ์ว่าจะลดลงจากคำตัดสินของศาลการค้า โดยข้อมูลจาก Oxford Research ระบุว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 2-3% ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง เป็นราว 15% ในปัจจุบัน โดยคำสั่งระงับชั่วคราวจากศาลอุทธรณ์ทำให้อัตราดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้อยู่
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) เดือนเมษายนปรับขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.2% และเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) เพิ่มขึ้น 2.5% รายปี และ 0.1% รายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ทั้งหมด
ดัชนี PCE ซึ่งเฟดให้ความสำคัญในการประเมินแรงกดดันเงินเฟ้อ สะท้อนแนวโน้มการบริโภคและราคาสินค้าอย่างครอบคลุมกว่าดัชนี CPI โดยการชะลอตัวของเงินเฟ้อจากตัวเลขล่าสุด ส่งผลให้นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้
ด้านผลประกอบการ หุ้นอัลตา บิวตี้ (Ulta Beauty) พุ่งขึ้นถึง 11.8% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรประจำปีจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ดีกว่าคาด ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐฯ