WTI ปิดลบ 0.25% นักลงทุนจับตา “โอเปกพลัส” เพิ่มกำลังผลิต-แรงกดดันภาษีสหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตัวลดลง หลังตลาดคาด OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าคาด ขณะที่ความตึงเครียดด้านภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีนกดดันราคา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนกรกฎาคมเกินระดับที่เคยประกาศไว้ในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคมนี้

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 60.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ส่งมอบเดือนเดียวกันลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 63.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ทั้งสองสัญญาปรับตัวลดลงกว่า 1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน หลังสื่อรายงานว่า OPEC+ อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนกรกฎาคมมากกว่า 411,000 บาร์เรลต่อวันที่เคยตกลงไว้สำหรับเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจในทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้น

นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า แผนของ OPEC+ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนตลาดน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเมินว่าราคาน้ำมันอาจทรงตัวอยู่ใกล้ระดับปัจจุบันในช่วงนี้ ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงมาอยู่ในช่วงบนของกรอบ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้

อีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันคือสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความใน Truth Social วิจารณ์จีนว่าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการพักรบด้านภาษี ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการค้าโลกและกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเคยถูกระงับโดยคำสั่งศาลการค้าเมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม กลับถูกศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ พิพากษาให้ฟื้นการบังคับใช้ในวันถัดมา ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

Back to top button