
“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก นักลงทุนจับตาศึกการค้ารอบใหม่–ประชุม ECB สัปดาห์นี้
“ตลาดหุ้นเอเชีย” เปิดบวก นักลงทุนรอดูสัญญาณเศรษฐกิจจากข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ และมติอัตราดอกเบี้ย ECB ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ หลัง “ทรัมป์” ขึ้นภาษีเหล็ก–จีนประกาศตอบโต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกวันนี้ (3 มิ.ย.68) ขณะที่นักลงทุนติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ หลังการค้าโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50%
นอกจากนี้สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็กลับมาคุกรุ่นขึ้นอีก หลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ส่งผลให้จีนออกแถลงการณ์โจมตีกลับ ระบุสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง พร้อมทั้งประกาศเตรียมตอบโต้แข็งกร้าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และทิศทางนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ เวลา 19.15 น. ตามเวลาไทย
โดยดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ณ เวลา 9:12 น. อยู่ที่ระดับ 23,3943.83 จุด เพิ่มขึ้น 236.86 จุด หรือ +1.02% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอยู่ที่ระดับ 3,352.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.19 จุด หรือ +0.16% ส่วนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่น ณ เวลา 9:12 น. อยู่ที่ที่ระดับ 37,643.60 จุด เพิ่มขึ้น 172.93 จุด หรือ +0.46%,
ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับการทยอยลดภาษีนำเข้า โดยรัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า “ไม่มีมูลความจริง” พร้อมประกาศเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
ทางการจีนยืนยันว่า จีนได้ดำเนินการตามข้อตกลงร่วมที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนพ.ค. ณ กรุงเจนีวาอย่างจริงจังต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ กลับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าแบบเลือกปฏิบัติกับจีนหลายประการ โดยหนึ่งในมาตรการล่าสุดของสหรัฐฯ ได้แก่ การระงับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน การออกข้อแนะนำใหม่ด้านการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนบางส่วน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าโดยฝ่ายเดียว และเป็นต้นเหตุของความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
แถลงการณ์ดังกล่าวจากกระทรวงพาณิชย์จีนมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เมื่อวันศุกร์ กล่าวหาปักกิ่งว่า ละเมิดข้อตกลงยุติสงครามการค้าเป็นเวลา 90 วัน โดยคำกล่าวหาของปธน.ทรัมป์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรจาการค้ากับจีนประสบภาวะชะงักงัน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ประกาศในระหว่างการปราศรัยเมื่อวันศุกร์ที่โรงงานเหล็กของบริษัทยูเอส สตีล (US Steel) ในเมืองมอน วัลเลย์ รัฐเพนซิลเวเนีย ว่า สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ทรัมป์กล่าวว่า มาตรการใหม่นี้จะช่วยรักษาความมั่นคงให้อุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ และยังเสริมอีกว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมด้วย โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
รายงานข่าวเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมนั้นกระทบหุ้นยานยนต์อย่างหนัก โดยหุ้น Ford ปรับตัวลดลง 3.85% และหุ้น General Motors ปรับตัวลดลง 3.87%