JPMorgan ชี้ไทยเดินหน้า Entertainment Complex เพิ่มรายได้ธุรกิจท่องเที่ยว ดันGDP โต 0.97%

JPMorgan เผยไทยมีความคืบหน้าสำคัญในโครงการ Entertainment Complex คาดหากโครงการเกิดขึ้นได้สำเร็จจะดัน GDP โตสูงสุดเกือบ 1% และยังหนุนรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นราว 1-2 แสนล้านบาทต่อปี


ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงบทวิเคราะห์ล่าสุดของ JPMorgan ระบุว่า ประเทศไทยมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการเดินหน้าโครงการ Entertainment Complex (EC) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากการนำเสนอของกระทรวงการคลังที่ให้ความชัดเจนมากขึ้นในประเด็นการออกใบอนุญาตและแนวทางด้านกฎระเบียบต่อผู้ประกอบการในประเทศ

สำหรับสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงจากร่างก่อนหน้า คือ การใช้ระบบใบอนุญาตแบบจำกัดจำนวน โดยมุ่งเน้นให้ใบอนุญาตแก่โครงการขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง โดยต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งเป็นโมเดลที่คล้ายกับสิงคโปร์ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าโครงการแต่ละแห่งอาจมีขนาดการลงทุนจริงสูงถึง 6-7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดพื้นที่ดำเนินการที่เหมาะสม โดยเน้นศูนย์กลางการท่องเที่ยวหลัก เพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น คอนเสิร์ต งานประชุม และท่องเที่ยวยอร์ช

โดยหนึ่งในประเด็นที่ได้รับการปรับปรุงคือข้อเสนอเรื่องการจำกัดสิทธิคนไทยในการเข้าใช้บริการคาสิโน เดิมทีมีข้อเสนอให้เฉพาะผู้ที่มีเงินฝากอย่างน้อย 50 ล้านบาทจึงจะสามารถเข้าใช้บริการได้ แต่ในพรีเซนเทชันล่าสุดไม่มีการกล่าวถึงข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลอาจปรับเปลี่ยนเงื่อนไข โดยหันมาใช้ระบบ “negative list” แทน กล่าวคือ จะมีเพียงบางกลุ่มที่ถูกระบุว่าไม่สามารถเข้าใช้บริการคาสิโนได้ ทำให้โมเดลใหม่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถขยายตลาดในประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่กระทรวงการคลังยังย้ำว่าโร้ดแมปการออกกฎหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าร่างกฎหมาย EC จะเข้าสู่สภาฯ ได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 และอาจผ่านเป็นกฎหมายในปี 2569 โดย JPMorgan คาดว่า การเปิดประมูลใบอนุญาตจะเกิดขึ้นในปี 2570 หรือ 2571 ซึ่งนำไปสู่การเปิดให้บริการจริงได้เร็วที่สุดในช่วงปี 2573–2574 อย่างไรก็ดี เส้นเวลาดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับกระบวนการทางการเมืองและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ

ส่วนภาคเอกชน กระทรวงการคลังระบุว่ามีผู้ประกอบการรีสอร์ทครบวงจรระดับโลกอย่างน้อย 4 รายได้เข้าหารือกับฝ่ายไทยแล้ว เช่น Wynn Resorts และ MGM China โดยหนึ่งในนั้นประเมินว่าไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นตลาดคาสิโนใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากลาสเวกัสและมาเก๊า

กระทรวงการคลังคาดว่า โครงการ EC จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยสามารถขับเคลื่อน GDP ให้ขยายตัวในช่วงดำเนินการได้ราว 0.2%-0.8% ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของ JPMorgan ที่อยู่ระหว่าง 0.29%-0.97% ขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะส่งผลให้ GDP เติบโตอีกประมาณ 0.23% รายได้ภาครัฐจากภาษีและค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ราว 12,000-40,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 375–1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของ JPMorgan ที่อยู่ระหว่าง 245–814 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้สมมุติฐานอัตราภาษีคาสิโนที่ 17%

ทั้งนี้ โครงการ EC ยังคาดว่าจะสร้างการจ้างงานใหม่ราว 9,000–10,000 ตำแหน่ง ใกล้เคียงกับ Marina Bay Sands ของสิงคโปร์ และช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวไทยราว 1–2 แสนล้านบาทต่อปี รวมถึงเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวอีก 22,000 บาท

อย่างไรก็ตาม JPMorgan เตือนว่า แม้แนวโน้มทางเศรษฐกิจจากโครงการ EC จะสดใส แต่ในเชิงกฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ยังคงอยู่ในกระบวนการจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในระหว่างนี้ ผู้ประกอบการระดับโลกยังคงติดตามและประเมินโอกาสในตลาดไทยอย่างใกล้ชิด

Back to top button