
GABLE ชูยุทธศาสตร์ “Next Wave of AI” พลิกโฉมองค์กรเติบโตยุค AI
GABLE เปิดยุทธศาสตร์ “Next Wave of AI” หนุนองค์กรไทยทรานส์ฟอร์มรับเศรษฐกิจใหม่ พร้อมติดอาวุธ Agentic AI พลิกโฉมบริการลูกค้า ขับเคลื่อนการเติบโตในยุค AI อย่างแท้จริง
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เผยว่า กระแส AI ในครั้งนี้รุนแรงและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลรายงานของ Gartner ที่ระบุว่า CEO ทั่วโลกมองว่าการมาของ AI รอบนี้คือ “Game Changer” เห็นได้จากสัดส่วนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี 2565 เป็น 74% ในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายธุรกิจองค์กรที่ยังไม่สามารถนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์หรือคืนทุนได้อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งนี้คือสัญญาณเตือนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าทุกธุรกิจองค์กรต่างๆ กำลังเผชิญหน้ากับ “ความท้าทายใหม่” ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเก่งกาจของเทคโนโลยี AI
โดย 3 ปัจจัยที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญ ที่ผู้บริหารระดับสูงควรจะต้องนำมาพิจารณาประกอบการประเมินปัจจัยต่างๆ ให้รอบด้านให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กรในการนำพาธุรกิจให้พร้อมสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ก่อนวางกลยุทธ์องค์กรให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้เทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรได้อย่างตรงจุด และเท่าทันกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ได้แก่
1.ช่องว่างของความคาดหวัง (Expectation Gap) ที่เกิดขึ้นจากความคาดหวังของผู้ใช้งานที่มักจะสวนทางกับความสามารถของเทคโนโลยี AI ในแต่ละช่วงเวลา เห็นได้จากข้อมูล Technology Hype Cycle ของ Gartner ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงทิศทางในช่วงเริ่มต้นเปิดตัวเทคโนโลยี AI ที่ยังพัฒนาความสามารถได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่กลับถูกคาดหวังจากผู้ใช้งานในระดับที่สูงมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนความคาดหวังของผู้ใช้งานค่อยๆ ลดลง กลับเป็นช่วงที่เทคโนโลยี AI ถูกพัฒนาจนขีดความสามารถทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนผู้ใช้งานตามเทคโนโลยีไม่ทัน
ซึ่งช่องว่างตรงนี้คือ จุดเปลี่ยนเกมที่ธุรกิจองค์กรต้องเฝ้าระวัง หากยังไม่เริ่มเรียนรู้ AI เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหรือมองหาวิธีปรับแผนกลยุทธ์องค์กรตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตอันใกล้อาจตามคู่แข่งไม่ทัน
2.ประสิทธิภาพการทำงานที่หายไปจากเวลาการทำงานที่ลดลง (Productivity Leakage) จากข้อมูลของ Gartner ได้ระบุตัวเลขที่น่าสนใจไว้ว่า องค์กรที่มีการนำ AI เข้ามาช่วยพนักงานทำงานจะเกิด Productivity Leakage อยู่ที่ 10 -30% สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะ AI ช่วยลดระยะเวลาการทำงานของพนักงานในองค์กรได้จริง แต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดการสร้างผลงานที่มีคุณค่า (Productivity Value) ในองค์กรเพิ่มขึ้น
สิ่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้องค์กรไม่ประสบความสำเร็จในสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะพนักงานที่มีเวลาว่างมากขึ้น 43 นาทีต่อวัน ไม่ได้เอาเวลาว่างที่เพิ่มขึ้นไปสร้างผลงานใหม่ที่เป็นประโยชน์แก่องค์กร ซึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยเวลาว่างระหว่างเวลาทำงานให้สูญเปล่า
3.การเลือกใช้เทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตกับงานในบางแผนก (Productivity Zone) ซึ่งมีตัวแปรสำคัญอยู่ 2 เรื่อง ที่ผู้บริหารองค์กรควรนำมาพิจารณาวางแผนก่อนนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในองค์กร ได้แก่ 1. ความซับซ้อนของงาน (Job Complexity) 2.ประสบการณ์ของพนักงาน (Job Experience) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกหลายเท่า
ยกตัวอย่าง สายงาน Call Center เทคโนโลยี Gen AI สามารถช่วยพนักงานใหม่ แก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้นสามเท่าตัว แต่กลับไม่ได้ช่วยพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในสายงานนี้ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหากับลูกค้ามายาวนานเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ในสายงานที่มีความซับซ้อนอย่าง Investment Banker เทคโนโลยี Gen AI กลับเป็นตัวช่วยสำคัญของพนักงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสายงานมาอย่างยาวนานได้มากกว่าพนักงานใหม่ เพราะมีประสบการณ์ในการแยกแยะข้อมูลเชิงลึกได้ จึงช่วยสร้างงานที่เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด
และอีกหนึ่งแรงกระเพื่อมที่มาแรงของเทคโนโลยี AI อย่าง “Agentic AI” ในเวลานี้ กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนภาพจำการให้บริการลูกค้าจากนี้และตลอดไป ในบทบาทของผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถ “คิด” และ “ตัดสินใจ” ได้ด้วยตัวเอง สามารถจัดการงานที่มีความซับซ้อนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วตามคำสั่งของผู้ใช้งาน เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่ลงมือทำงานได้เองตามขั้นตอน ตั้งแต่การรับเรื่องจากลูกค้า ดึงฐานข้อมูลประวัติการซื้อ เช็คระบบสต๊อกสินค้า จัดการระบบขนส่ง ดำเนินการออกเอกสารในระบบจัดซื้อและบัญชี จนถึงการสนทนาปิดเคสให้ลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
“ณ วันนี้ ต้องยอมรับว่าการพัฒนาของเทคโนโลยี AI เร็วกว่าเทคโนโลยีใดๆ ที่มนุษย์เคยสร้างมา และการปรากฏตัวของเทคโนโลยี Agentic AI ที่พร้อมเปลี่ยนบทบาทจากเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดสู่ผู้ช่วยอัจฉริยะ กำลังจะเปลี่ยนภาพจำการส่งมอบประสบการณ์การให้บริการลูกค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ดร.ชัยยุทธ กล่าว
แต่ไม่ว่าความท้าทายของเทคโนโลยี AI จะพัฒนาขีดความสามารถไปมากขนาดไหน จีเอเบิล ยังคงพร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจและพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ครบวงจรแบบ End-to-end ที่ช่วยเสริมความสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรม ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในทุกมิติอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้พร้อมรับมือกับทุกการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ