ค้าชายแดนอ่วม! ศูนย์วิจัยหอการค้า หวั่นจำกัดเวลาด่านไทย-กัมพูชา กระทบหมื่นล. หากปิด 100%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าฯ ชี้จำกัดเวลาด่านไทย-กัมพูชา กระทบค้าชายแดน 5-10% หวั่นปิด 100% เสียหายหมื่นล้านบาท


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้การค้าชายแดนยังคงดำเนินไปได้ แต่มีข้อจำกัดด้านเวลาในการขนส่ง ซึ่งอาจกระทบมูลค่าการค้าชายแดน 5-10%  หากสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นปิดด่านถาวร 100% มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจะพุ่งสูงถึงหลักหมื่นล้านบาทต่อเดือน

นายธนวรรธน์ ยังระบุว่า ต้องจับตาสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด แม้การตรึงกำลังทหารตามแนวชายแดนจะเป็นเรื่องปกติ แต่ทิศทางการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศจะเป็นตัวกำหนดผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเน้นย้ำว่าหากประชาชนทั้งสองประเทศไม่มีความบาดหมางต่อกัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะไม่สูงนัก เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งสองประเทศพยายามลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด

จากการประเมินในปี 2567 นายธนวรรธน์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 140,000 ล้านบาท และการนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อเดือน ด่านการค้าสำคัญที่สุดคือ ด่านอรัญประเทศ และ ด่านบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวมกันมากกว่า 100,000 ล้านบาท

ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันคือมาตรการห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ข้ามแดนที่ด่านอรัญประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนมาใช้รถกระบะลำเลียงสินค้าแทน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางส่วนต้องปรับไปใช้ด่านบ้านหนองเอี่ยน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ที่ยังคงอนุญาตให้รถบรรทุกข้ามได้

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สินค้าที่กัมพูชานำเข้าจากไทยส่วนใหญ่เป็น สินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้จะมีสินค้าทดแทนจากเวียดนาม แต่ระยะทางและค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากไทยยังคงใกล้และสะดวกกว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจึงประเมินว่ากัมพูชาน่าจะยังคงนิยมบริโภคสินค้าจากไทยมากกว่า หากรัฐบาลไทยไม่มีมาตรการปิดชายแดนถาวร

ในส่วนของการนำเข้าสินค้าหลักจากกัมพูชามาไทยนั้น ส่วนใหญ่เป็น วัตถุดิบอุตสาหกรรม โดยเน้นสินค้าทางการเกษตร ซึ่งแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่มีความสำคัญต่อธุรกิจของคนในพื้นที่ ดังนั้น การขนส่งเข้า-ออก น่าจะยังคงทำได้ตามปกติ เพราะเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และไทยก็คงหาสินค้าทดแทนได้บางส่วนหากมีการปิดด่านถาวรจริง

นายธนวรรธน์ ย้ำว่า “การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาของรัฐบาลเป็นการปิดด่านชั่วคราว ไม่ได้มีเงื่อนไขในการกีดกันการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างกัน และการเปิดเส้นทางส่งออกสินค้าระหว่างกันยังคงดำเนินการอยู่ การค้าก็ยังเป็นปกติ มหาวิทยาลัยหอการค้ามองว่า มาตรการจำกัดการข้ามแดนไทย-กัมพูชา จะกระทบการส่งออกไทยเพียง 5-10% แต่ถ้าหากปิดด่าน 100% เต็ม ก็มองว่าจะเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจได้เห็นความเสียหายของมูลค่าทางเศรษฐกิจหลัก 10,000 ล้านบาทต่อเดือน”

Back to top button