
CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,100-1,125 จุด จับตาการเมืองไทย-ประชุมเฟด
CGSI คาด SET เคลื่อนไหว Sideway ถึง Sideway Down จากปัจจัยไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Defensive และ Selective Buy ช่วงรอความชัดเจนจากเฟด
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในระยะสั้นว่า จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบที่ระดับ 1,100–1,125 จุด ในลักษณะ Sideway ถึง Sideway Down โดยมีปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในหลายด้าน
ทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ ภายหลังอิหร่านปฏิเสธการเจรจาหยุดยิง ประกอบกับท่าทีของประเทศมหาอำนาจในการประชุม G7 ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอล ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาได้เปิดห้อง “Situation Room” ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามักตามมาด้วยความตึงเครียดในภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยเสนอขอกระทรวงมหาดไทยคืน และเสนอให้พรรคภูมิใจไทยโยกไปบริหารกระทรวงสาธารณสุขและสำนักนายกรัฐมนตรีแทน พร้อมกำหนดเส้นตายให้ตอบภายในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 15:00 น. หากพรรคภูมิใจไทยตัดสินใจออกจากรัฐบาลไปอยู่ฝ่ายค้าน อาจทำให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว CGSI แนะนำกลยุทธ์ลงทุนแบบ Defensive Play และ Trading-Selective Buy โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งหรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พร้อมจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 18 มิถุนายน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ การคาดการณ์ Dot Plot และประมาณการเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในระยะต่อไป
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญในประเทศคือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติให้เพิ่มเป็น 400 บาทต่อวันในพื้นที่กรุงเทพฯ (+7.5% จากเดิม 372 บาท) และในธุรกิจโรงแรมระดับ 2 ดาวขึ้นไป รวมถึงสถานบริการในจังหวัดอื่นทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป คาดว่าจะเป็นประโยชน์กับแรงงานกว่า 700,000 ราย อย่างไรก็ดี จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและธุรกิจก่อสร้างที่ใช้แรงงานต่างด้าวเป็นสัดส่วนสูง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก เช่น CPALL ที่มีฐานค่าจ้างสูงอยู่แล้ว และผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีโครงการบ้านแนวราบในมือ หรือโครงการคอนโดที่ใช้ระบบ Turn Key ซึ่งต้นทุนตกอยู่กับผู้รับเหมาโดยตรง ไม่ใช่ผู้พัฒนาโครงการ
สำหรับหุ้นเด่นประจำวันของ CGSI ได้แก่
GULF : มองว่าบริษัทมีการเติบโตของกำไรที่มั่นคง งบดุลแข็งแกร่ง เป็นผู้นำตลาด และมีการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคและ LNG อย่างต่อเนื่อง คาดว่ากำไรจากธุรกิจใหม่จะหนุนราคาหุ้นให้ปรับขึ้น (จุดทำกำไร: 44.50 บาท / จุดตัดขาดทุน: 42.50 บาท)
MINT : คาดว่าความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้รับการสะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว อีกทั้ง MINT มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทยน้อยกว่าคู่แข่ง ทำให้ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ น้อยที่สุด (จุดทำกำไร: 23.80 บาท / จุดตัดขาดทุน: 22.60 บาท)