
“ภูเก็ต” บูมยุค “ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” โบรกชี้ BDMS นำเกม รับดีมานด์ผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง
“บล.ทิสโก้” ชี้ธุรกิจโรงพยาบาลในภูเก็ตกำลังเข้าสู่ยุคทอง Medical Tourism หนุนดีมานด์ผู้ป่วยต่างชาติ ชู BDMS เด่นสุด ครองส่วนแบ่งรายได้ต่างชาติสูงถึง 57% พร้อมแผนขยายบริการสุขภาพระดับพรีเมียมครบวงจร แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประเมินแนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลในภูเก็ตว่า กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ “Medical Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจังหวัดภูเก็ต ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงที่สุดในประเทศ ด้วยตัวเลขรายได้กว่า 5 แสนล้านบาทในปี 2567 ได้กลายเป็นจุดหมายที่มีศักยภาพสูงในการรองรับดีมานด์จากผู้ป่วยต่างชาติที่ต้องการเข้าถึงบริการสุขภาพระดับพรีเมียม
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโรงพยาบาลรายใหญ่หลายแห่งเริ่มขยายฐานในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเกาะกระแสความต้องการบริการทางการแพทย์คุณภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูงจากต่างประเทศ ที่มองหาจุดหมายในการพักผ่อนควบคู่การตรวจสุขภาพและรักษาโรคเฉพาะทาง ซึ่งแนวโน้มนี้สอดรับกับนโยบายภาครัฐในการผลักดันไทยสู่การเป็น Medical Hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยบรรดาผู้ให้บริการที่มีความโดดเด่นในภูเก็ต ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เป็นผู้นำด้วยการวางเครือข่ายครอบคลุมทั้งภูมิภาค ประกอบด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต, โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริโรจน์ และโรงพยาบาลดีบีเมดิคอล ซึ่งให้บริการผู้ป่วยทุกระดับ ตั้งแต่สุขภาพทั่วไปจนถึงบริการดูแลระดับตติยภูมิ โดยมีศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence) รองรับโรคหัวใจ มะเร็ง และระบบประสาท สนับสนุนด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย
ปัจจุบัน รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในภูเก็ตของ BDMS อยู่ที่ 57% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 31% อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการเชื่อมโยงกับโรงแรมระดับไฮเอนด์และรีสอร์ตหรูในพื้นที่ เพื่อให้บริการ “Health & Wellness Package” แบบครบวงจร
ทั้งนี้ ทิสโก้มองว่า กลยุทธ์ดังกล่าวมีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวของรายได้ในอนาคต และช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนตามฤดูกาลของนักท่องเที่ยว
ขณะที่คู่แข่งหลักอย่าง บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH ต่างเริ่มทยอยขยายการให้บริการในพื้นที่ โดยรวมแล้วคาดว่าจะมีเตียงเพิ่มขึ้นรวม 412 เตียงในช่วงปี 2569-2570 อย่างไรก็ตาม ทิสโก้มองว่าการแข่งขันโดยตรงยังมีจำกัด เนื่องจากผู้ให้บริการแต่ละรายมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนและตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต่างกัน
สำหรับ BH มุ่งเน้นการให้บริการระดับทุติยภูมิในเขตเหนือของภูเก็ต และมีแผนส่งต่อผู้ป่วยระดับซับซ้อนไปยังกรุงเทพฯ ส่วน WPH โฟกัสเคสอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากอุบัติเหตุทางทะเลหรือถนน ซึ่งต่างจาก BDMS ที่มีความสามารถบริหารเคสระดับสูงได้ภายในจังหวัด ด้วยความพร้อมของทีมแพทย์ ระบบสนับสนุน และความร่วมมือกับโรงพยาบาลรัฐและเอกชนในจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม BDMS ยังคงครองความได้เปรียบจากฐานผู้ป่วยต่างชาติและการขยายบริการทางการแพทย์เชิงลึกอย่างต่อเนื่อง จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 33.00 บาท พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” PR9 ราคาเหมาะสม 31.00 บาท จากโอกาสเติบโตผ่านแผนขยายบริการและฐานลูกค้าระดับพรีเมียมเช่นกัน