
“บล.กรุงศรี” ลงทุนหุ้นคุณค่า พ่วงค่า PER ต่ำ-ปันผลสูง ช่วงตลาดย่อตัว
“บล.กรุงศรี” ประเมินดัชนี SET ร่วงกว่า 24% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ชี้เป็นโอกาสดีลงทุนหุ้นคุณค่า เน้นหุ้นกลุ่ม Value Play ที่มี PER ต่ำ พ่วงปันผลสูง และ PBV ต่ำ เหมาะสำหรับลงทุนระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่าลดลง 24% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) จากระดับ 1,400 จุด มาอยู่ที่ประมาณ 1,060 จุด ณ ปัจจุบัน สวนทางกับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของนักวิเคราะห์ที่ลดลงเพียงลดลง 5.5% จากเดิม 96.00 บาท เหลือ 90.69 บาท สะท้อนว่าตลาดมีการรับรู้ความเสี่ยงไปแล้วในระดับมาก
โดยภายใต้บริบทนี้ ทางฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมในการปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยเน้นไปที่หุ้นกลุ่ม Value Play ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนหุ้นที่เข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลล่าสุดจากทางฝ่ายวิจัยระบุว่า จากบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 914 บริษัท พบดังนี้
384 บริษัท หรือ 41.16% ของตลาด มีค่า PER ต่ำกว่า 12 เท่า
486 บริษัท หรือ 53.15% ของตลาด ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 3%
626 บริษัท หรือ 67.1% ของตลาด มีค่า PBV ต่ำกว่า 1 เท่า
ขณะเดียวกัน มีถึง 214 บริษัท หรือ 22.94% ที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามข้อ
โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการสะสมหุ้นในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดยังอยู่ในโซน Deep Value โดยค่า PER ปี 2568 อยู่ที่ระดับเพียง 11.68 เท่า ปัจจุบันมีหุ้นจดทะเบียนจำนวนไม่น้อยที่เข้าข่ายเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยจากการคัดกรองข้อมูลพบว่า มีถึง 384 บริษัทที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ต่ำกว่า 12 เท่า, 486 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% และอีก 626 บริษัทที่มีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ต่ำกว่า 1 เท่า
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงระดับมูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีถึง 214 บริษัทที่มีคุณสมบัติตรงตามทั้งสามเกณฑ์ข้างต้นครบถ้วน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยแนะนำหุ้น Deep Value ที่มีคุณสมบัติสามข้อดังกล่าว แบ่งเป็น ดังนี้
สำหรับหุ้นกลุ่ม Big Cap ได้แก่ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
ส่วนหุ้นกลุ่ม Mid-Small Cap ได้แก่ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC, บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM, บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG