
“ตรีรัตน์” ฟาด “พีระพันธุ์” โซลาร์เสรีแค่เครื่องมือ “ยื้ออำนาจ” ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน
“ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส” ผู้บริหาร NEPS-อดีตนักการเมือง โพสต์ผ่าน X ตั้งคำถาม “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อยู่ร่วมรัฐบาลต่อ เพื่อหวังผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เซลล์เสรี ให้กับประชาชน แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงข้ออ้างยื้อเพิ่มอำนาจรัฐมนตรีพลังงานแบบเบ็ดเสร็จในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้(24 มิ.ย.68) เมื่อเวลา 10:22 น. นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตนักการเมือง ปัจจุบัน เป็นประธานบริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด ได้โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) ส่วนตัว ตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อแนวทางการผลักดันกฎหมายโซลาร์เซลล์เสรี ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติใช้เป็นเหตุผลประกอบการ “อยู่ร่วมรัฐบาลต่อ” โดยตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายดังกล่าวอาจไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อปลดล็อกพลังงานให้ประชาชนตามที่อ้าง แต่กลับแฝงการเพิ่มอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ
นายตรีรัตน์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายโซลาร์เซลส์เสรีที่หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังใช้เป็นข้ออ้างในการ “อยู่ร่วมรัฐบาลต่อ” คือข้ออ้างหลอกประชาชนหรือไม่ โดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่ เพราะปัจจุบันโซลาร์เซลส์มีความเสรีอยู่แล้วมันเสรี เนื่องจากการติดโซลาร์ไม่ต้องขอ อ.1 (ตามมติ ครม.อนุมัติ 4/4/68) ติดโซลาร์ไม่ต้องขอ รง.4 (ตามมติ ครม.อนุมัติ 17/12/67) ทำให้แปลกใจว่า เหตุใดนายพีระพันธุ์และพวก จะใช้ข้ออ้างนี้ในการ “อยู่ร่วมรัฐบาลต่อ”
แต่พอมาค้นอ่านร่างกฎหมายที่เพิ่งประชาพิจารณ์ไปแล้ว จึงถึงบางอ้อ เพราะสิ่งที่คนไทยไม่รู้ คือกฎหมายฉบับนี้ “แฝงการเพิ่มอำนาจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอยู่ คือ อำนาจในการประกาศรับซื้อไฟจากนายทุน อำนาจในการกำหนดราคารับซื้อไฟ อำนาจในการออกหลักเกณฑ์ติดตั้งโซลาร์ รวมถึงการโยกอำนาจที่เคยอยู่กับคณะกรรมการนโยบายพลังแห่งชาติ กพช. มารวบที่ตัวเองคนเดียว โดยใช้จังหวะชุลมุนนี้เป็นข้ออ้างยอมกัดฟัน ขัดมติพรรคของตัวเอง จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการตระบัดสัตย์เพื่อชาติ หรือ ตระบัดสัตย์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายกันแน่?
จากการตรวจสอบข้อมูลของทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ในสาระสำคัญของ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ…. โดยกระทรวงพลังงาน ในมาตรา 17 ได้ว่าวางหลักกฎหมายไว้ว่า การจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากสถานที่ติดตั้งจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นการจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แก่การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือองค์กรอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือแก่บุคคลที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการในสถานที่ติดตั้งตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราค่าไฟฟ้าที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
การจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แก่การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือองค์กรอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
หากตีความตามตัวบท “การจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากสถานที่ติดตั้งจะกระทำมิได้” ซึ่งหมายความว่า หากเราติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่บ้านหรือที่สถานประกอบการของเรา หลักการคือเราไม่สามารถขายหรือให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นแก่บุคคลภายนอก หรือนำไปใช้ในสถานที่อื่นที่ไม่ได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น
แต่ก็มีข้อยกเว้นใน 3 กรณีหลัก ๆ คือ สามารถจำหน่ายหรือให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือองค์กรอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด นี่คือช่องทางหลักที่อนุญาตให้ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รายย่อยสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนเข้าระบบโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐได้ โดยจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (เช่น ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ) กำหนดไว้
ทั้งนี้ยังมีข้อยกเว้นที่ว่า การจำหน่ายหรือให้แก่บุคคลที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการในสถานที่ติดตั้ง ข้อยกเว้นนี้อนุญาตให้เราสามารถจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าแสงอาทิตย์แก่บุคคลที่อยู่ในสถานที่เดียวกับที่เราติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ เช่น กรณีที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนอาคารพาณิชย์ แล้วต้องการจำหน่ายไฟฟ้าให้ผู้เช่าพื้นที่ในอาคารนั้น หรือหากเป็นบ้านพักอาศัยที่มีหลายครอบครัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก็อาจเข้าข่ายกรณีนี้ได้ โดยจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราค่าไฟฟ้าที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน จากเดิมที่การกำหนดเงื่อนไขเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ภายใต้การกำกับดูแลของ กพช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน