“ทักษิณ” มาศาลตามนัด ร่วมสืบพยาน “คดี 112” นัดแรก-เลี่ยงให้สัมภาษณ์สื่อ

นายทักษิณ ชินวัตร มาศาลตามนัด เข้าฟังสืบพยานโจทก์คดีดูหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีปี 58 ขณะที่เลี่ยงให้สัมภาษณ์สื่อ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (1 ก.ค.68) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2566 ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อปี 2558 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ สื่อโทรทัศน์ต่างประเทศเกาหลีใต้ มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง

การพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและได้รับการประกันตัวในระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งวันนี้ นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามาฟังการพิจารณาสืบพยานด้วยตนเอง ซึ่งเวลาวันนี้ 09:18 น. นายทักษิณ เดินทางเข้ามาศาลด้วยรถเบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร และหลบสื่อขึ้นทางด้านข้างของศาล

ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว กล่าวว่า การพิจารณาคดีวันนี้เป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นผู้ฟ้อง นายทักษิณ ความผิดมาตรา 112

โดยนัดแรกนี้ฝ่ายโจทก์จะนำพยานขึ้นเบิกความประมาณ 3 ปาก จากทั้งหมด 10 ปาก ที่ศาลอนุญาตให้เบิกความไว้ โดยมีกำหนดใช้เวลาสืบพยานรวม 3 วัน ซึ่งในฐานะทนายฝ่ายจำเลยตนก็จะมีหน้าที่ซักถามพยานในแต่ละปากตามกระบวนการ

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร จำเป็นต้องเข้าฟังการสืบพยานทุกนัดหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า สำหรับ นายทักษิณจำเป็นต้องเดินทางมาศาล เนื่องจากเป็นคดีที่จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จึงต้องปรากฏตัวต่อศาลตามขั้นตอนและยังต้องรอดูว่าศาลอาญาจะมีข้อกำหนดพิเศษใดในการพิจารณาคดีเพิ่มเติมหรือไม่

กรณีที่ฝ่ายจำเลยอาจยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง นายวิญญัติ ระบุว่า ตามหลักของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จำเลยสามารถขอพิจารณาลับหลังได้ในคดีที่มีอัตราโทษไม่เกิน 10 ปี

แต่ในคดีนี้ มีอัตราโทษสูงกว่า 10 ปี จึงอาจไม่เข้าเกณฑ์ยกเว้น อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุจำเป็นและจำเลยมีทนายความดำเนินการแทนก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณประสงค์ที่จะเข้าฟังการพิจารณาคดีด้วยตนเอง โดยกระบวนการสืบพยานทั้งหมดแบ่งเป็น 7 นัด แบ่งเป็นพยานฝ่ายโจทก์ 10 ปาก ใช้เวลา 3 นัด ระหว่างวันที่ 1–3 กรกฎาคม และพยานฝ่ายจำเลย 14 ปาก ใช้เวลา 4 นัด เริ่มต้นวันที่ 15 กรกฎาคม เป็นต้นไป โดยศาลนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ การสืบพยานอาจแล้วเสร็จก่อนครบ 7 นัด ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาในแต่ละวัน

Back to top button