“รัฐบาล” ลุยใช้ AI ปิดเว็บผิดกฎหมายผ่าน WebD เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ 31 เท่า

รัฐบาลขับเคลื่อนการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมผ่านแพลตฟอร์ม WebD ตรวจสอบและปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพสูงกว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ถึง 31.5 เท่า


นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการ “WebD Project” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเร่งรัดกระบวนการระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่มีจำนวนมากกว่า 100,000 URLs ต่อปี

แพลตฟอร์ม WebD นำ AI และระบบอัตโนมัติ RPA มาใช้ในการค้นหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย เก็บหลักฐาน สร้างคำร้องแบบไร้กระดาษ (Paperless) และส่งคำสั่งศาลไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบ URLs Checker ตรวจสอบการปิดกั้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วกว่าการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ถึง 31.5 เท่า และสามารถลดระยะเวลาในการยื่นคำร้องต่อศาลลงได้ถึง 5 วันทำการ

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 จำนวน URLs ที่ถูกสั่งปิดจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.7 จากปี 2567 หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 175 URLs ต่อวัน โดยแพลตฟอร์ม WebD ยังมีระบบ AI Crawler ที่ทำหน้าที่เสมือนเจ้าหน้าที่ถึง 94 คน ในการค้นหาและจัดเก็บหลักฐานเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ก่อนเข้าสู่ระบบตรวจสอบ กลั่นกรอง และดำเนินการยื่นคำร้องศาลแบบออนไลน์ รวมถึงการสั่งปิดเว็บไซต์และการปรับพินัย

รัฐบาลย้ำจุดยืนในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม โดยมุ่งหวังให้แพลตฟอร์ม WebD เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสังคมและคุ้มครองประชาชนจากภัยคุกคามออนไลน์

“รัฐบาลมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างมีจริยธรรม เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย ลดภัยคุกคามทางออนไลน์ และดูแลคุ้มครองประชาชนอย่างรอบด้าน พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทุกคนใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ” รองโฆษกฯ กล่าวย้ำ

Back to top button