
EGCO จ่อปิดดีลใหม่ไต้หวัน รับรู้รายได้ “หยุนหลิน” ปีละ 2 พันล้าน
EGCO เล็งปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดไต้หวันเพิ่ม หลัง “หยุนหลิน” พลังงานลมนอกชายฝั่งเดินเครื่องเต็มสูบ รับรู้รายได้เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ตลอดช่วง 5 ปีแรก พร้อมตั้งเป้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเป็น 30% ภายในปี 73
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน จะสร้างรายได้ให้ EGCO เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-พฤษภาคม 2568) Yunlin มีอัตราการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) ประมาณ 35% ซึ่ง Capacity Factor เฉลี่ยในระดับที่สูงนี้ ยืนยันศักยภาพของพลังงานลม พื้นที่ช่องแคบไต้หวันและการสร้างรายได้ในอนาคต โดยปีนี้ EGCO จะรับรู้กำไรเต็มปี
นอกจากนี้ EGCO อยู่ระหว่างการเจรจากับเข้าซื้อกิจการพลังงานสะอาดในไต้หวันเพิ่มเติม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573
“ความสำเร็จจากการลงทุนใน Yunlin สร้างโอกาสต่อยอดการลงทุนโครงการอื่น ๆ ในไต้หวัน เนื่องจาก Yunlin เปิดตลาดการลงทุนให้ EGCO ในไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลงทุนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลไต้หวันรู้จัก EGCO ในฐานะนักลงทุนไทย ที่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นดำเนินโครงการให้สำเร็จ EGCO มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง จากโครงการ Yunlin และมีพันธ มิตรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง
โดยบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อม และแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม จะใช้องค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการร่วมพิจารณาต่อไป” ดร.จิราพร กล่าว
ทั้งนี้บริษัทเริ่มเข้าไปลงทุนในไต้หวันปลายปี 2562 ด้วยการเข้าถือหุ้นใน บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ด้วยเล็งเห็นว่า ไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ชัดเจน การตั้งเป้าลดการพึ่งพานิวเคลียร์และถ่านหิน ผลักดันให้พลังงานสะอาดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบไต้หวันเป็นตำแหน่งที่มีลมแรงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งรัฐบาลไต้หวันได้ส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว
สำหรับโครงการ Yunlin ดำเนินการโดย บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Skyborn Renewables ถือหุ้น 31.98% TotalEnergies ถือหุ้น 29.46% EGCO Group ถือหุ้น 26.56% และ Sojitz Corporation ถือหุ้น 12% ภายหลังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า (Electricity Business License – EBL) เพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัท TotalEnergies รับหน้าที่หลักด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operations and Maintenance – O&M) ในขณะที่บริษัท Skyborn Renewables ดูแลด้านงานบริหารจัดการโครงการ โดยในส่วนของผู้ถือหุ้นอีกสองราย EGCO Group และ Sojitz Corporation มีบทบาทให้การสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและการบริหารธุรกิจในไต้หวัน รวมถึงตัดสินใจในการบริหารงานสำคัญต่าง ๆ ของโครงการ
ทั้งนี้ Yunlin ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมณฑลหยุนหลินในไต้หวันเป็นระยะทางประมาณ 8-17 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของน้ำทะเลช่วง 7-35 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย กังหันลม 80 ต้น กำลังผลิตต้นละ 8 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตทั้งหมด 640 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าของไต้หวันผ่านสถานีไฟฟ้าบนฝั่ง 2 แห่ง บริเวณตำบลไถซีและซื่อหู ในมณฑลหยุนหลิน เพื่อขายให้กับ Taiwan Power Company (TPC) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี
Yunlin เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่เป็นลำดับต้น ๆของไต้หวัน มีศักยภาพผลิตไฟฟ้า 2,400 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าให้ภาคครัวเรือนไต้หวันมากกว่า 600,000 หลังคาเรือน คิดเป็น 90% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนทั้งหมดของมณฑลหยุนหลิน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงไฟฟ้า Yunlin เป็นผู้นำในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนในท้องถิ่น สมาคมประมงและมหาวิทยาลัยท้องถิ่นเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ
สบช่องรีนิวไต้หวันเติบโตสูง
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” EGCO ราคาเป้าหมาย 130 บาท จากอัตราเงินปันผลที่สูง 6.3% ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล คาดเงินปันผลที่ 6.5 บาทต่อหุ้น มองว่าโครงการหยุนหลินจะช่วยหนุนกำไรในปีนี้หลังและการลงทุนใหม่ๆ จะช่วยรักษาเสถียรภาพของกำไรให้มั่นคงในระยะยาว
ทั้งนี้ตลาดพลังงานหมุนเวียนในไต้หวันมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก EGCO ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญธุรกิจไฟฟ้า “The Lantau Group” มาให้ข้อมูลตลาดพลังงานหมุนเวียนในไต้หวันซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้วยผลของนโยบายยกเลิกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้สูงขึ้น
โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ตั้งเป้าเพิ่มจาก 14.6 กิกะวัตต์ (GW) เป็น 30 GW ในปี 2573 (2.8 GW/ปี) และ 40-60 GW ปี 2593 (0.5 GW/ปี) และ Offshore Wind เพิ่มจาก 3 GW เป็น 11 GW ในปี 2573 (1.3 GW/ปี) และ 40 GW ปี 2593 (1.5 GW/ปี) ซึ่งจะทำให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มจาก 15% ปัจจุบันเป็น 60-70% โครงการ Offshore Wind ในไต้หวันถือว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสุดของโลกจากกระแสลมที่แรง ระดับน้ำทะเลที่ลึก อยู่ใกล้ชายฝั่ง มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมช่วยให้เกิด Economies of scale ของแต่ละโครงการ และภาครัฐสนับสนุนทั้งการรับซื้อไฟฟ้าด้วย “FIT” อัตราที่สูง การจัดหาพื้นที่โครงการ และการสนับสนุนให้เกิด Corporate PPAs ทำให้มีนักลงทุนโดยเฉพาะจากยุโรปมาลงทุน Offshore Wind จำนวนมาก
โดย EGCO ตั้งเป้างบลงทุน 3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ในหลายโครงการทั้ง พลังงานหมุนเวียนในไทย เฟส 2 พลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ก๊าซในต่างประเทศ Alternative Energy และ LNG Related ในสหรัฐฯ โดยได้ประกาศลงทุนใหม่แล้ว 2 โครงการ คือ
1) ถือหุ้น 49% ร่วมกับ APEX 51% (EGCO ถือหุ้นด้วย 17.5%) เพื่อลงทุนพลังงานหมุนเวียน 2 โครงการ Pinnacle II รวม 251 MW (145 MW ถือหุ้นรวม 57.9%) คือ พลังงานลม 126 MW และพลังงานแสงอาทิตย์ 125 MW ซึ่งจะหนุนกำไรไตรมาสที่ 3/2568 เต็มไตรมาส และ
2) ลงทุนเพิ่ม 3.2 พันล้านบาท ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานในอินโดนีเซีย เพื่อขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าและโลจิสติกส์เพิ่มเติม
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิ EGCO ปี 2568 จะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 5,400 ล้านบาท ในปี 2567 จากธุรกิจต่างประเทศ ประกอบด้วย
1) โรงไฟฟ้า Yunlin ขนาด 640 MW ที่ดำเนินงานเต็ม 100%
2) โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวจากกระแสน้ำที่สูงขึ้น ในอ่างเก็บน้ำหลังฤดูฝนมาเร็วขึ้น
3) กำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมของ APEX จำนวน 841 MW ที่เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ และ
4) รายได้จากโครงการ Pinnacle II ขนาด 251 MW ที่จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ Q2/2568 เป็นต้นไป
โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 116 บาท (SOTP) ราคาหุ้นมี Downside ที่จำกัด เนื่องจากกำไรมีความชัดเจนสูงพร้อมผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ 6.2% ขณะที่หุ้น EGCO มี Upside เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมที่สูงขึ้น