MTC เด้ง 2% ลุ้นกำไร Q2 แตะ 1.6 พันลบ. รับสินเชื่อเพิ่ม-ตั้งสำรองลด โบรกชูเป้า 48 บาท

MTC ราคาเด้ง 2% ทางบล.พาย แนะ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 48.00 บาท คาดกำไรในไตรมาส 2/68 แตะ 1.6 พันล้านบาท หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวจากการขยายสินเชื่อ และสำรองหนี้ฯ ปรับลดลงจากความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีต่อเนื่อง พร้อมคาดดอกเบี้ยสินเชื่อขยายตัวช่วงครึ่งหลังปี 68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ณ เวลา 10:12 น. อยู่ที่ระดับ 35.75 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 2.88% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 35.75 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 35.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27.41 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรสุทธิ MTC ในงวดไตรมาสที่ 2/68 ไว้ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวจากการขยายสินเชื่อ และสำรองหนี้ฯ ปรับลดลงจากความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีต่อเนื่อง

ขณะที่กำไรเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสทธิขยายตัว ด้านส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) แม้คาดแนวโน้มยังยังปรับลดลดต่อเนื่อง แต่ในอัตราชะลอลงที่ 13.8% ลดลง 79 bps เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน และลดลง 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

อีกทั้งปัจจัยด้านฤดูกาลจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นขึ้นจากการเปิดเทมอของนักเรียนและนักศึกษา และด้านการเกษตรที่ดีขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่าสินเชื่อในไตรมาสที่ 2/67 จะเร่งตัวขึ้นที่ 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่จากสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียน ทำให้มองว่าสินเชื่อในปี 2568 สามารเติบโตตามเป้าหมายที่ 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน

ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเปาะบาง แต่ด้วยการขยายสินเชื่อที่ระมัดระวัง และความสามารถในการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่า NPL ratio จะปรับลดลงเล็กน้อยที่เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.65% เป็นไปตามเป้าหมาย NPL ratio 3.2% สิ้นปี 2568 และมี Coverage ratio เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนที่ 139.3% เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของงบดุล

ดังนั้นฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 48.00 บาท ทาง MTC เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยลดลดลงอาจยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนนักในครึ่งปีแรก 2568 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวตามสินเชื่อ ประกอบกับการควบคุม คุณภาพสินเชื่อ และการติดตามหนี้ที่ดีขึ้นทำให้คาดว่า NPL ratio ปรับลดลงเล็กน้อยที่ 2.65% นอกจากนี้ มองว่าแนวโน้มกำไรจะเพิ่มสูงขึ้นได้ต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 68 และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2568 จะเติบโตต่อเนื่อง 14%

Back to top button