
เปิดสูตร “ทักษิณ” ปั้นไทยเป็น “สถานทูตโลกด้าน Data Center” ด้วยพลังงานสะอาดราคาถูก
ดร.ทักษิณ ชินวัตร เปิดวิสัยทัศน์ในงานเสวนา "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย" ชูยุทธศาสตร์พลิกโฉมประเทศสู่การเป็น "สถานทูตโลกด้าน Data Center" ชี้อาวุธสำคัญคือการผลิต "พลังงานสะอาดราคาถูก" ให้ได้ในปริมาณมหาศาล เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตทั่วโลก พร้อมเสนอไอเดียผุดโซลาร์ฟาร์มยักษ์บนที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อกดราคาไฟฟ้าสีเขียวให้เหลือเพียง 3 บาทต่อหน่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 ก.ค. 68) ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” (Unlocking Thailand’s Future) ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” พลิกเกมเศรษฐกิจไทย…สู่อนาคต โดยเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ในการผลักดันประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ ศูนย์กลางไฟฟ้าสีเขียว เพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่ม Data Center
อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวทางในการสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยระบุว่าจำเป็นต้องมีการจัดเก็บ ภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นำเข้าที่ไม่มี Local Content และควรเก็บภาษีตามอัตราส่วนของ Local Content หรือสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย เช่น เบาะรถยนต์ ยางรถยนต์ ซึ่งไทยมีความพร้อมอยู่แล้ว เพื่อ รักษาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สร้างสมมานานหลายสิบปี ให้แข็งแกร่งต่อไป
ดร.ทักษิณ ยังกล่าวว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องยาก และประเทศไทยสามารถสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองได้ รวมถึงการดึงดูดการร่วมลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมยกตัวอย่างการออกแบบ ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าแบบใหม่ ที่เป็นดีไซน์ของไทยทั้งหมด เพื่อทดแทนตุ๊กตุ๊กปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดมลพิษ ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมีต้นทุนประมาณ 200,000 บาทต่อคัน และผลิตได้ในประเทศ การพัฒนานี้จะช่วยให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ต่อไปนอกเหนือจากจีน
นอกจากนี้ ดร.ทักษิณ ได้เสนอวิสัยทัศน์ให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางไฟฟ้าสีเขียว โดยชี้ว่าปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าดีเซล 60 ล้านลิตรต่อวัน และเบนซิน 20-25 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการไฟฟ้าประมาณ 40,000 เมกะวัตต์ หากประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 40,000 เมกะวัตต์จากพลังงานสะอาด ก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันเหล่านี้อีก
อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้มีการสร้าง โซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 40,000 เมกะวัตต์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 1.4 ล้านไร่ โดยใช่ที่ดิน ส.ป.ก. กว่า 40 ล้านไร่ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวัน และสามารถนำมาใช้เพียง 1 ล้านไร่ เพื่อสร้างโซลาร์ฟาร์มดังกล่าวได้
ดร.ทักษิณ ยังเห็นว่า การมีไฟฟ้าสีเขียวปริมาณมากจะทำให้ประเทศไทยเป็น ผู้ขายไฟฟ้าสีเขียว ที่สำคัญ พร้อมเน้นย้ำว่าปัจจุบัน Data Center จากทั่วโลกต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว แต่ติดปัญหาว่าประเทศไทยมีไม่เพียงพอ ส่วนตัวจึงเห็นว่าเสนอให้สร้างโซลาร์ฟาร์มในภาคอีสานและลาก สายส่งไฟฟ้า High Voltage DC พิเศษตรงมายังกรุงเทพฯ หรือศูนย์ Data Center โดยไม่ต้องผ่านระบบเดิมของ กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) สิ่งนี้จะทำให้ไฟฟ้าสีเขียวมีราคาถูกลงมาก อาจจะเหลือเพียง 3 บาทต่อหน่วยตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ดร.ทักษิณ เปรียบเทียบธุรกิจ Data Center ว่าเป็นเหมือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังบูมในปัจจุบัน โดยผู้ประกอบการจะมองหาที่ดินที่มีไฟฟ้าสีเขียว น้ำ และอยู่ใกล้เมืองใหญ่ เพื่อดึงดูดวิศวกร พวกเขาสามารถสร้างและขายหรือให้เช่า Data Center ได้ และยังสามารถนำไปแพ็กรวมเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อีกด้วย. ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรเร่งผลิตไฟฟ้าสีเขียวให้ได้ และดึงดูด Data Center มาตั้งในประเทศให้ได้ เพื่อเป็น “Embassy ของโลก” ด้าน Data Center ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบเพราะมีน้ำและที่ดินที่ยังไม่แพงในบางพื้นที่ แต่ขาดไฟฟ้าสีเขียว ดังนั้นหากสร้างไฟฟ้าสีเขียวขึ้นมาและจัดตั้งเป็นเหมือน “กฟผ. สีเขียว” อีกอันหนึ่ง จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้