BBL โชว์กำไร 6 เดือนแรก โต 10% แตะ 2.45 หมื่นลบ. รับรายได้ดอกเบี้ย-สินเชื่อรายใหญ่

ธนาคารกลาง จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส2 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,839.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 11,806.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงาน สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน

ส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยธนาคารยังคงพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกบริทมีกำไรสุทธิ 24,457.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22,330.48 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 63,614 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 2.85 ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย

โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง ส่วนใหญ่จากการบริการธุรกรรมผ่านธนาคาร สุทธิกับรายได้จากบริการการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารมีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ร้อยละ 45.3

สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2568 มีจำนวน 19,807 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกของปีก่อน

นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,712,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่

ด้านอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 283.6 เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง