“บล.พาย” ชี้ ครม.เคาะผู้ว่าธปท.คนใหม่ หนุนหุ้นค้าปลีก-ไฟแนนซ์

บล.พาย เผยนักลงทุนรอความชัดเจน ครม.เสนอชื่อผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ โดย “วิทัย” เป็นแคนดิเดตเด่นจากจุดยืนนโยบายดอกเบี้ยต่ำ หนุนเศรษฐกิจฐานราก พร้อมชี้หุ้นค้าปลีกและการเงินอาจได้รับอานิสงส์หากนโยบายเดินหน้า ส่วน SET เริ่มชะลอหลังขึ้นแรง รอผลประกอบการ Q2 ทยอยประกาศ


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (22 ก.ค. 68) ว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งจากหลายๆ สำนักข่าวระบุตรงกันว่าจะมีการนำเสนอผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่เข้าที่ประชุม ในขณะเดียวกันแคนดิเดตที่มีโอกาสเข้าเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายวิทัย

ทั้งนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของนายวิทัยจากหลายๆ สื่อ มีแนวดำเนินนโยบายสนับสนุนแหล่งเงินทุน อัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงผลักดัน SME เข้าถึงระบบสินเชื่อมากขึ้น พร้อมเสริมเพิ่มเติมว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทย นโยบายการเงินอย่างเดียวแก้ไม่ได้ จำเป็นจะต้องเสริมกับนโยบายการคลัง สำนักงาน BOI กระทรวงพาณิชย์ และรวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์ โดยแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในมุมมองคุณวิทัย คือ เร่งการขยายตัวของเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ (ตัดเงินต้นมากขึ้น) แม้อาจมีความกังวลว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยเร่งการก่อหนี้ แต่คุณวิทัยเชื่อว่าโดยรวมแล้ว ประโยชน์ของการลดดอกเบี้ยเพื่อแก้หนี้มีน้ำหนักมากกว่า ทั้งนี้ ในมุมมองเรา หากสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ มองเป็นบวกกับหุ้นอิงการบริโภค อาทิ ค้าปลีก ได้แก่ BJC, CRC, CPALL, CPAXT, HMPRO)

ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ มิได้มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ค่อนข้างนิ่งๆ รวมไปถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นักลงทุนเข้าสู่ช่วงรอติดตามผลประกอบการ คืนนี้มีปัจจัยรอติดตาม ได้แก่ การแถลงออกมาให้ข้อมูลของประธาน FED

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 – 1,215 จุด ตลาดเริ่มเข้าสู่ช่วงลดความร้อนแรงจากการที่ปรับขึ้นมา 13.7% จากจุดต่ำสุด ประกอบกับนักลงทุนเริ่มรอติดตามผลประกอบการ

ล่าสุดกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 เมื่อรวมกับ KTC มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 5.81 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน , แต่ลดลง 3.5% จากไตรมาสก่อน) หุ้นที่กำไรเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ได้แก่ KKP, KTC, SCB และกำไรดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ ได้แก่ KKP, SCB

จากนี้รอติดตามผลประกอบการที่จะทยอยรายงานออกมา แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมผลประกอบการขยายตัวมิได้โดดเด่นมากนัก โดยมีความเสี่ยงที่ครึ่งปีหลังผลประกอบการอาจย่ำแย่ตามสภาพเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวที่ลดลง

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงแค่ Trading ระยะสั้น เนื่องด้วยตลาดที่ปรับขึ้นมา และยังไม่มีปัจจัยหนุนตลาดหุ้นข้างหน้าอย่างชัดเจน ประกอบกับ Valuation เริ่มไม่ถูกเท่าใดนัก โดยเน้นเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ KTC, KTB, CPF, KBANK, BDMS, ICHI, CPALL, MTC, MINT

นอกจากนี้ อาจเลือกเก็งกำไรในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR) ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL) จากการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่

Back to top button