“ทรัมป์” เยือนเฟด กดดัน “พาวเวลล์” เร่งลดดอกเบี้ย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการเยือนสำนักงานใหญ่ของเฟดในกรุงวอชิงตันเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ หรือในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทย

“เราต้องทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง… ประเทศของเรามีดอกเบี้ยสูงที่สุดในโลกตอนนี้ ประชาชนแทบจะซื้อบ้านไม่ได้เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป “เราไม่มีเงินเฟ้อ เรามีเงินสดจำนวนมากที่กำลังเข้ามา… เราควรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าทุกประเทศ” เราสามารถพูดแทนทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า เราต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยลดลง ประเทศของเรากำลังเฟื่องฟู และอัตราดอกเบี้ยเป็นรอยบากเล็ก ๆ รอยสุดท้าย” ทรัมป์ กล่าว

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า การพูดคุยกับพาวเวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย “มีประสิทธิผลอย่างมาก” และกล่าวเสริมว่า “เขาจะสามารถบอกคุณได้ในการประชุมครั้งต่อไป”

ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวและบลูมเบิร์กรายงานตรงกันว่า ทรัมป์ได้เดินทางการเยือนธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองทศวรรษของผู้นำสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการกดดันให้พาวเวลล์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว

สำหรับการเยือนครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด โดยนอกจากประเด็นดอกเบี้ยแล้ว ทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจต่อค่าใช้จ่ายโครงการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเฟดในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่พุ่งสูงเกินกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 80,000 ล้านบาท) โดยมีการพาดพิงถึงการใช้จ่ายที่ “หรูหราฟุ่มเฟือย” และไม่จำเป็น ซึ่งนายรัสเซล วอจ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณสหรัฐ (OMB) ได้ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้ด้วย

ในระหว่างการเยี่ยมชม ทรัมป์กล่าวว่า ปัญหาเรื่องต้นทุนโครงการไม่ใช่เหตุผลเพียงพอในการปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่ง และย้ำว่าประเด็นการลดอัตราดอกเบี้ยมีความสำคัญมากกว่า พร้อมกล่าวว่าอาจต้องพิจารณา “ไล่ผู้จัดการโครงการออก” หากต้นทุนยังบานปลาย

ด้านนายพาวเวลล์ได้ส่งจดหมายชี้แจงถึง นายวอจ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า การปรับปรุงดังกล่าวมีความจำเป็นต่อความปลอดภัย สุขอนามัย และประสิทธิภาพของสถานที่ทำงาน อาทิ การกำจัดแร่ใยหิน การปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบปรับอากาศ และระบบป้องกันอัคคีภัยที่ล้าสมัย

แม้จะมีการโต้เถียงระหว่างผู้นำทั้งสองภายในโถงอาคารที่กำลังปรับปรุง แต่ทรัมป์ยืนยันว่าไม่มีความตึงเครียดกับเฟด พร้อมกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงความเห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้ง” อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจบ่อนเซาะหลักการความเป็นอิสระของธนาคารกลางในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาเป็นเสาหลักในการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ