
“ปภ.” เตือน 11 จังหวัด “ภาคกลาง” ยกของขึ้นที่สูง รับมือน้ำล้นเขื่อนเจ้าพระยา
“ปภ.” ประสาน 11 จังหวัดภาคกลาง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ หลังคาดปริมาณไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม พร้อมแจ้งเตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเตรียมรับมือน้ำสูงขึ้น 0.2-1 เมตร
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำในช่วง 1-7 วันข้างหน้า โดยระบุว่าในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,500-1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมกับน้ำจากลำน้ำสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 150-200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยารวมอยู่ที่ประมาณ 1,650-1,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,200-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ เช่น คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำน้อยในอำเภอเสนาและผักไห่ เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.20-1.00 เมตร
ขณะที่ กอปภ.ก. ได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความมั่นคงแข็งแรง พร้อมจัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดี ปภ. ยังขอให้แต่ละจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงาน ภาคเอกชนที่มีกิจกรรมในแม่น้ำ เช่น โครงการก่อสร้าง แพ ร้านอาหาร รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำ และเตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อลดความเสียหายจากสถานการณ์น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว