“โกลเบล็ก” แนะจับตาผล “ภาษีทรัมป์” 1 ส.ค.นี้ ชูดักเก็บ CBG-SAV หลังราคาลงลึก

บล.โกลเบล็ก มอง SET สัปดาห์นี้ Sideway กรอบ 1,200-1,260 จุด หลังหยุดยิงไทย-กัมพูชา แนะจับตาผลเจรจาภาษีสหรัฐ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. ชูลงทุนเด่น CBG – SAV ราคาลงลึก คาดรีบาวด์ระยะสั้น


นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway ออกข้าง โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาลดลง หลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ประกอบกับยุโรปได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงครึ่งหนึ่งจากเดิมอัตรา 30% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้

ส่วนการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะเริ่มการเจรจาการค้าระดับสูงท่ามกลางความคาดหวังว่า อาจมีการตกลงขยายเวลาการพักชำระภาษี 90 วัน ระหว่างสองประเทศออกไปหลังวันที่ 12 ส.ค.นี้ ส่วนการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและไทย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้

อีกทั้ง ทางกระทรวงการคลังเล็งผุดมาตรการด้านภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม หวัง บูสต์ช่วงก่อน (High Season) จ่อปักหมุดเดือน ส.ค. – ก.ย.นี้ มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,200-1,260 จุด

ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงออกมาให้ข่าวต่อเนื่องว่า สหรัฐฯ เดินหน้าเริ่มเก็บภาษีนำเข้าที่เรียกว่าภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในอัตราระหว่าง 15% – 50% หลังพ้นเส้นตายเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยกำหนดให้ 15% เป็นอัตราขั้นต่ำ สำหรับประเทศที่มีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับสหรัฐฯ อาจถูกเก็บในอัตราสูงสุด 50%

ด้าน หอการค้าไทย ประเมินว่าแม้การส่งออกครึ่งปีแรกปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 15% จากการเร่งนำเข้าสินค้าไทยก่อนมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่มีผลบังคับใช้  แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจหดตัวลงอย่างมากทำให้ภาพรวมปี 2568 อาจติดลบหรือใกล้ศูนย์และการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อนกว่า โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข่งขันด้านราคา

นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ วันที่ 31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, สัปดาห์ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันที่ 30 ก.ค.

รวมไปถึง อียู เตรียมรายงาน GDP ไตรมาส 2/68 (ประมาณการเบื้องต้น), สหรัฐ รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค.,  GDP ไตรมาส 2/68 (ประมาณการเบื้องต้น) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ถัดมาวันที่ 29–30 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ครั้งที่ 4/68, เช้าวันที่ 31 ก.ค. เฟด แถลงผลการประชุมครั้งที่ 4/68, วันที่ 31 ก.ค. ญี่ปุ่น รายงานยอดค้าปลีก  เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค., ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียู รายงานอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย., สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย.

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบไทย-กัมพูชา หลังมีการประชุม และได้บรรลุข้อตกลง 3 ข้อ ได้แก่ หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค., ในวันที่ 29 ก.ค. มีการประชุมแม่ทัพภาค 1 และ 2 ของฝ่ายไทย และกองทัพภาค 4 และ 5 ของกัมพูชา ได้ตกลงหยุดยิงทันที

โดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมเดินหน้าประชุมร่วมกองทัพ 2 ฝ่าย และจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ CBG และ SAV ส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสกลับมา Rebound ได้ในระยะสั้น

ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงาน สหรัฐ ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE GDP ไตรมาส 2/68 ของสหรัฐฯ และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ  ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เผยได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับ EU และญี่ปุ่นแล้ว ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามวันที่ 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในอัตราระหว่าง 15-20% ทำให้นักลงทุนยังคงถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,250–3,345 $/Oz หากหลุดแนวรับให้ชะลอการลงทุน

Back to top button