ศึกชิงเก้าอี้ “ประธานเฟด” เดือด! ทรัมป์เปิดชื่อ 3 ตัวเต็ง ชี้ชะตานโยบายการเงินโลก

ศึกชิงเก้าอี้ “ประธานเฟด” กำลังเข้มข้น เมื่อทรัมป์ประกาศ 3 รายชื่อสุดท้ายที่มีโอกาสขึ้นแทนเจอโรม พาวเวลล์ โดยแต่ละคนล้วนมีท่าทีและจุดยืนที่อาจเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก


กระบวนการเฟ้นหาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต่อจากนายเจอโรม พาวเวลล์ เดินทางเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมายืนยันว่าขณะนี้เหลือผู้สมัครตัวเต็งเพียง 3 ราย โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงินของโลก เนื่องจาก Fed ถือเป็นเสาหลักของระบบการเงินระหว่างประเทศ

สำหรับการคัดเลือกผู้นำ Fed คนใหม่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างทรัมป์และพาวเวลล์ ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2561 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลล์อย่างเปิดเผยว่าเป็น “ลาหัวดื้อ” และ “คนโง่” พร้อมแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่เขามองว่าล่าช้าเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าระดับดอกเบี้ยนโยบายควรถูกปรับลดจากช่วงปัจจุบันที่ 4.25–4.50% ลงมาอยู่เพียง 1% เพื่อสร้างแรงหนุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งท่าทีดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญต่อการพิจารณาคัดเลือกผู้นำ Fed คนต่อไป ที่จะต้องรับมือกับความคาดหวังทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของโลกในระยะข้างหน้า

ดังนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านผู้นำธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อผู้สมัครที่เข้าสู่รอบสุดท้ายของการพิจารณาอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย เควิน แฮสเซ็ตต์ อดีตผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ, เควิน วอร์ช อดีตกรรมการผู้ว่าการ Fed และ คริสโตเฟอร์ เจ. วอลเลอร์ กรรมการ Fed คนปัจจุบัน

โดยทั้งหมดถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทโดดเด่นในแวดวงเศรษฐกิจ การเงิน และนโยบายสาธารณะ ซึ่งแต่ละคนต่างมีจุดยืนและแนวทางการดำเนินนโยบายที่อาจกำหนดทิศทางการเงินของโลกในทศวรรษหน้า

รายละเอียดประวัติ 3 ผู้เข้าชิงตำแหน่ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แบบสรุป

เควิน แฮสเซ็ตต์ นักเศรษฐศาสตร์สายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (NEC) ตั้งแต่ปี 2568 เคยเป็นประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ (CEA) ระหว่างปี 2560–2562 และเคยมีบทบาทในคณะผู้กำกับดูแลเศรษฐกิจของ Fed ช่วงปี 2535–2540 มีชื่อเสียงจากหนังสือ Dow 36,000 ที่สร้างทั้งความตื่นเต้นและเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

เควิน วอร์ช เกิดปี 2513 เคยเป็นกรรมการผู้ว่าการ Fed ระหว่างปี 2549–2554 ก่อนหน้านั้นทำงานกับ Morgan Stanley และดำรงตำแหน่งใน NEC สมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช รับผิดชอบประสานงานระหว่าง Fed กับตลาดการเงินโลกในเวที G-20 และภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันเป็นนักวิชาการอาวุโสที่ Hoover Institution มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

คริสโตเฟอร์ เจ. วอลเลอร์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ Fed ตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการแต่งตั้งโดยทรัมป์ และมีวาระถึงปี 2573 เคยเป็นรองประธานบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Federal Reserve Bank of St. Louis มีประสบการณ์สอนเศรษฐศาสตร์มหภาคและทฤษฎีการเงินในหลายมหาวิทยาลัย จุดยืนชัดเจนคือการกำหนดนโยบายดอกเบี้ยบนพื้นฐานของข้อมูลเศรษฐกิจ มากกว่าปัจจัยการเมือง

ด้าน บลจ.ทิสโก้ ระบุว่า รายชื่อ 3 ผู้มีโอกาสสูงที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คนต่อไป แทน เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งวาระจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2569 โดยแต่ละรายมีแนวทางและจุดยืนที่ส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกแตกต่างกัน

Kevin Warsh – ผู้ท้าทายกรอบเดิม
อดีตสมาชิกคณะผู้ว่าการ Fed ระหว่างปี 2549-2554 และได้รับการยกย่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็น “บุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง” จุดเด่นคือมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาล Trump 2.0 และการเรียกร้องปฏิรูป Fed เพื่อลดการเปลี่ยนกฎระหว่างทาง อย่างไรก็ตาม Warsh จัดอยู่ในกลุ่มนโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Hawkish) ซึ่งอาจคงอัตราดอกเบี้ยสูงและหนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า กระทบต่อการส่งออก

Kevin Hassett – คนใกล้ชิดทำเนียบขาว
ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ และเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญด้านนโยบายเศรษฐกิจของ Trump จุดแข็งคือความสนิทชิดใกล้กับผู้นำสหรัฐฯ และมีบทบาทในข้อตกลงการค้าและการผลักดันกฎหมายเศรษฐกิจสำคัญ แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจทำให้ตลาดกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed

Christopher Waller – ผู้ว่าการ Fed ที่ถูกจับตา
ผู้ว่าการ Fed ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดย Trump ในปี 2563 และล่าสุดกลายเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งในสายตานักวิเคราะห์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสองเสียงที่โหวตให้ลดดอกเบี้ยสวนมติที่ประชุม Fed ล่าสุด นักวิเคราะห์บางรายมองว่าท่าทีดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณเอาใจทำเนียบขาว แม้ยังมีข้อสงสัยว่ามีจุดประสงค์จริงใจหรือไม่

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Trump ระบุว่าจะประกาศชื่อผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน Fed คนใหม่ภายในสัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดว่าผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องมีแนวทางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ

การคัดเลือกในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนตัวบุคคลในตำแหน่งสูงสุดของ Fed เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองทางเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือเสถียรภาพของระบบการเงินโลก

อย่างไรก็ดี ทั้งสามแคนดิเดตตัวเต็งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการจับตาจากตลาดการเงินสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังถูกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุน ธนาคารกลาง และรัฐบาลทั่วโลก เนื่องจากทุกการตัดสินใจของผู้นำ Fed ล้วนส่งแรงสั่นสะเทือนข้ามพรมแดนอย่างเลี่ยงไม่ได้

Back to top button