
PCE แย้มโรงสกัดใหม่เปิด ก.ย.นี้ หนุนกำลังผลิตรวมแตะ 3,000 ตันต่อวัน
PCE เผยโรงสกัดปาล์มแห่งใหม่คืบหน้าตามแผน คาดเริ่มดำเนินการได้ภายใน ก.ย. 68 จะมีกำลังการผลิตประมาณ 1,500 ตันต่อวัน แล้วจะช่วยหนุนกำลังผลิตรวมแตะ 3,000 ตันต่อวัน อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ จะกลับมาเข้าสู่ช่วงพีคของผลปาล์มน้ำมัน มั่นใจทำให้ยอดส่งออกไปยัง อินเดียและจีนเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าเฟส 3 และ JV ญี่ปุ่น สร้างรายได้ระยะยาว
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงสกัดปาล์มน้ำมันแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินงานได้ภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับโรงงานใหม่นี้จะมีกำลังการผลิตประมาณ 1,500 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับกำลังการผลิตของโรงงานเดิมที่อยู่ที่ประมาณ 1,500 ตันต่อวัน จะทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 3,000 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายเฟส 3 เพิ่มเติมภายในกลางปี 2569 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 1,000 ตันต่อวัน ส่งผลให้เมื่อโครงการครบทั้ง 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตได้รวมประมาณ 4,000 ตันต่อวันอย่างแน่นอน
นายพรพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยเฉพาะในภาคใต้ ปริมาณฝนที่ตกในปีนี้ค่อนข้างดี ทำให้ผลผลิตออกมาจำนวนมาก แม้จะมีช่วงที่ผลผลิตชะลอบ้างในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าในช่วงปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ จะกลับมาเข้าสู่ช่วงพีคซีซั่นอีกครั้ง
ขณะที่ด้านการส่งออกในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมามียอดส่งออกค่อนข้างสูง โดยเฉพาะไปยังอินเดียและจีน อยู่ที่ราว 200,000 ตัน ดังนั้นประเมินว่า แนวโน้มในไตรมาส 3-4 ยังมีโอกาสเห็นตัวเลขส่งออกที่ดีอย่างต่อเนื่อง หากผลผลิตยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามคาด
“เรายังคงเป้าหมายรายได้ของปีนี้ไว้ตามเดิม แต่ก็จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตจะมีมากขึ้น และจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของทั้งปี” นายพรพิพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนสร้างโรงสกัดเพิ่มอีก 2 โรงในปีหน้า เพื่อรองรับปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว พร้อมกับอีกหนึ่งโครงการสำคัญคือ การร่วมทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น ซึ่งบริษัท JV ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม 2568 โดยตั้งเป้าการซื้อขายผลผลิตประมาณ 30,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันรายได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/68 ฟื้นตัวแรงเมื่อเทียบไตรมาส 1/68 โดยมีรายได้รวม 11,332.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,172.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.3% และเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,160.7 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิ 134.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 101.1 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์หลัก (Core Product) โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่สูงกว่าเป้าหมาย รวมไปถึงการส่งออกน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO) น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) และกะลาปาล์มคุณภาพสูง ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ