
“กัณฑรา” มอง SET ไซด์เวย์ แนะสอย 4 หุ้นเด่นรับเทรนด์ “ดอกเบี้ย” ขาลง
“กัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา” มองตลาดหุ้นไทยไซด์เวย์ แนวรับสำคัญ 1,230 จุด หากไม่หลุดยังมีลุ้นฟื้นตัวต่อ พร้อมจับตาสุนทรพจน์ “พาวเวลล์” ในการประชุมแจ็กสันโฮล และคำวินิจฉัยการเมืองปลายเดือนนี้ พร้อมแนะลงทุน 4 หุ้นรับดอกเบี้ยขาลง
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยในรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด วันนี้ (22 ส.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีบรรยากาศการลงทุนที่ “คลุมเครือ” โดยภาพรวมเคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวขึ้นลง (ไซด์เวย์) แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,230 จุด หากดัชนีไม่หลุดลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว ยังถือว่าสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้
ขณะที่ในทางเทคนิคแนวรับย่อยอยู่ที่บริเวณ 1,263-1,240 จุด และแนวรับใหญ่ที่ 1,230 จุด โดยตลาดอาจใช้เวลาอีกประมาณ 5 วันในการแกว่งตัวในกรอบดังกล่าวเพื่อรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน หากดัชนีลงไปแตะระดับ 1,230 จุดแล้วสามารถดีดกลับขึ้นได้ทันที จะถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยยืนยันทิศทางการฟื้นตัว แต่หากหลุดแนวรับนี้อาจเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง
ดัชนีในช่วงนี้แม้จะมีแรงดีดขึ้นบ้าง สลับกับการอ่อนตัวลง แต่ถือเป็นการสะสมพลัง หากสามารถรักษาฐานไว้ได้ที่ 1,230 จุด ก็ยังเป็นช่วงที่ตลาดสามารถฟื้นตัวได้ ลักษณะการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเปรียบเหมือน “การรอพื้นที่ลงจอด (landing)” ที่ต้องมีระยะห่างพอสมควรเพื่อให้ตลาดสามารถดีดตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนต้องจับตาสุนทรพจน์ของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ซึ่งคาดว่าเป็นปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง โดยตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะปรับลดดอกเบี้ยเมื่อใด ซึ่งสะท้อนถึงภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อาจกลับมา ขณะที่ตลาดแรงงานยังไม่แข็งแกร่ง
ด้านปัจจัยการเมืองไทย ตลาดยังอยู่ในภาวะ “Wait and See” รอความชัดเจนจากคดีสำคัญ ได้แก่ คดีมาตรา 112 และคดีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ผันผวน นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างจับตาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี หากปัญหาทางการเมืองคลี่คลาย ก็จะเปลี่ยนจาก “ความไม่แน่นอน” มาเป็น “ความเสี่ยงที่สามารถบริหารจัดการได้”
นายกัณฑรา กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือความคืบหน้าของร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา หากไม่ผ่านจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง และทำให้การขับเคลื่อนการฟื้นตัวของประเทศหยุดชะงัก
“ถ้างบประมาณปี 2569 ไม่ผ่าน การเติบโตเศรษฐกิจปีหน้าจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่าคดีทางการเมืองเสียอีก” นายกัณฑรา กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ฟินันเซีย มองว่า นักลงทุนควร “ตั้งรับอย่างรอบคอบ” และเลือกลงทุนรายตัว โดยเน้นหุ้นพื้นฐานดีที่มีอัพไซด์สูงจากราคาเป้าหมาย และมีแนวโน้มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ BDMS, CPALL, CPN และ MTC โดยแนะนำให้ทยอยสะสมเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว ทั้งนี้ ย้ำว่าการเตรียมพร้อมเข้าสู่รอบฟื้นตัวครั้งใหญ่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากตลาดปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนอาจไม่มีเวลาซื้อทัน