
น้ำมัน WTI ปิดบวก รับ “เฟด” จ่อลดดอกเบี้ย-จับตาสงคราม “รัสเซีย–ยูเครน”
ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปิดบวก ขานรับคาดการณ์ลดดอกเบี้ยเฟด และสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ ร่วงแรง ขณะตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซีย–ยูเครน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (22 ส.ค.) โดย WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 63.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 67.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันปิดบวกในรอบสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
โดยแรงหนุนสำคัญมาจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ มากกว่าที่คาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุด 15 ส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกัน Baker Hughes เปิดเผยว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลง 1 แท่น เหลือ 538 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย–ยูเครน แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพยายามผลักดันให้มีการประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซียและยูเครน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยรัสเซียยังคงเปิดฉากโจมตีทางอากาศ ขณะที่ยูเครนตอบโต้ด้วยการโจมตีโรงกลั่นและสถานีสูบน้ำมันในโครงสร้างท่อส่งไปยุโรป ความขัดแย้งดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันไปยังฮังการีและสโลวาเกีย
สถานการณ์ดังกล่าวยังกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่อาจเข้มข้นขึ้น หากการเจรจายุติความขัดแย้งไม่คืบหน้า โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มหารือทางเลือกทางทหารเพิ่มเติม ขณะที่เอสโตเนียแสดงท่าทีพร้อมส่งกองกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
ด้านเศรษฐกิจโลกยังมีแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนีที่หดตัว 0.3% ในไตรมาส 2 สร้างความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันในยุโรป อย่างไรก็ดี นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองแจ็กสันโฮล โดย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน ซึ่งอาจหนุนราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ